Fri 21 Jun 2024

A Journey of Haikyu!! Pilgrims

ตามรอยไฮคิวจากเซ็นไดถึงคารุไม

เรื่อง: baitongtul

ภาพ: injingjing

     ด้วยความเป็นคนที่ได้ไปเที่ยวเมื่อไหร่จะต้องสรรหาตามรอยอะไรสักอย่างมาแทบทั้งชีวิต ทันทีที่รู้สึกตัวว่าโดน ไฮคิว!! (Haikyu!!) ตกเข้าให้แน่ๆ เราก็พอจะรู้ชะตากรรมว่าคงได้เวลาเก็บเงิน หาข้อมูล เตรียมแพ็กกระเป๋า พร้อมป้ายยาหาเพื่อนร่วมทางไปเรื่อย ๆ 

     และแล้ววันนั้นก็มาถึง ปลายเดือนพฤศจิกายน 2023 ฉันกับเพื่อนสาวผู้หลวมตัวมาเข้าด้อมเรียบร้อย พากันแบกเสื้อหนาวพะรุงพะรังขึ้นชินกันเซ็นจากสถานีโตเกียว เพื่อมุ่งหน้าสู่ภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ถิ่นอีสานของญี่ปุ่นและถิ่นกำเนิดของการ์ตูนเรื่องนี้

     แต่ก่อนอื่น เผื่อใครยังไม่รู้จัก ไฮคิว!! (แปลว่า วอลเลย์บอล ในภาษาญี่ปุ่น) เป็นผลงานมังงะของอาจารย์ฮารุอิจิ ฟุรุดาเตะ (Haruichi Furudate) ที่ทำยอดขายมากกว่า 60 ล้านเล่มในประเทศบ้านเกิด นำไปสู่การดัดแปลง ต่อยอด แตกแขนงแบรนด์ออกเป็นอนิเมะ ละครเวที เกม ฟิกเกอร์ กาชาปอง และสินค้าอื่น ๆ ที่พร้อมจะดูดเงินคุณอีกมากมาย

     มองเผินๆ ในโลกของ ไฮคิว!! เหมือนจะโคจรรอบ ฮินาตะ โชโย เด็กหนุ่มไซส์มินิผู้มุ่งมั่นจะเป็นสุดยอดนักวอลเลย์บอลที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนไปสู่สนามแข่งขันระดับประเทศกับชมรมวอลเลย์บอลชายโรงเรียนมัธยมปลายคาราสึโนะ

     แต่สำหรับคนที่มักจะทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างเรา ไฮคิว!! คือภาพในอุดมคติของการล่าฝัน ถ้าคุณรักในอะไรสักอย่างจากใจจริงก็จงอดทน ฝึกฝน เฝ้าทะนุถนอมมัน และไม่ว่าจะเหนื่อยหรือโดดเดี่ยวแค่ไหน จงเชื่อว่าคุณไม่ได้และไม่จำเป็นต้องสู้อยู่คนเดียว วันหนึ่งคุณจะได้พบกับใครสักคน (หรือหลายๆ คน) ที่รักในสิ่งเดียวกัน และไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือศัตรู ทั้งคุณและเขาจะกลายเป็นแรงผลักดันให้ต่างฝ่ายต่างก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ

     (พิมพ์มาถึงตรงนี้ก็น้ำตาซึมละ ขออภัยสำหรับอินเนอร์ 🥲)

     เพราะข้อจำกัดเรื่องเวลา (a.k.a. วันลา) ทริปนี้จึงอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมที่ต้องทำแบบติดสปีด แต่ถึงอย่างไร ภารกิจติ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางครั้งนี้ พวกเราเลยตั้งใจอุทิศ 3 จาก 5 วันที่มีเพื่อ ไฮคิว!! โดยเฉพาะ และแม้เหตุการณ์ส่วนใหญ่ในการ์ตูนจะเกิดขึ้นที่จังหวัดมิยางิเป็นหลัก โลเคชั่นอ้างอิงหลายๆ แห่งกลับตั้งอยู่ที่จังหวัดอิวาเตะ บ้านเกิดและเมืองที่อาจารย์ฟุรุดาเตะอาศัยอยู่จนจบมัธยมปลาย ระยะเวลา 3 วันกับการเดินทางไปกลับมิยางิ-อิวาเตะกว่า 600 กิโลเมตรจึงท้าทายสังขารไม่น้อย  

     รอช้าไม่ได้แล้วล่ะ ขอเชิญทุกคนเข้าร่วมทัวร์จาริกแสวงบุญไปด้วยกัน ณ บัดนี้!

DAY 1

     พร่ำเพ้อตามประสาติ่ง พริบตาเดียวก็สองชั่วโมงกว่าๆ ผ่านไป เรากระโดดลงรถไฟที่สถานีเซ็นได (Sendai) จุดหมายปลายทางแรกของทริป และแม้ว่าฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 จะขึ้นชื่อว่าอุ่นจนร้อนชนิดที่คนญี่ปุ่นยังงง โทโฮคุก็ยังคงต้อนรับเราด้วยสายลมเย็นยะเยือกไม่มีเปลี่ยนแปลง

     หลังฝากข้าวของไว้กับโรงแรม เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็กอิน และซัดลิ้นวัวเซ็นไดเป็นมื้อแรกของวันจนสาแก่ใจ ก็ได้เวลาที่ติ่งจะออกจาริกแสวงบุญจริงๆ เสียที 

     ท่ามกลางละอองฝนปนหิมะที่โปรยปราย เรานั่งรถไฟจากสถานีเซ็นไดมาถึงสถานีโทมิซาวา (Tomizawa) ทันเวลาที่ไบฟรอสต์กำลังเปิดพอดี (เดี๋ยวก่อน…)

     เดินตามป้ายบอกทางต่ออีกประมาณ 5-10 นาทีก็มาถึง ศูนย์กีฬา Kamei Arena Sendai

     ใน ไฮคิว!! ที่นี่คือสนามที่ทีมวอลเลย์บอลจากโรงเรียนมัธยมปลายทั่วจังหวัดมิยางิใช้แข่งขันเพื่อหาตัวแทนไปสู้ศึกระดับประเทศ เราจึงได้เห็นภาพอาคารหลังนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ขณะเดียวกันในความเป็นจริง โรงยิมประจำเมืองเซ็นไดแห่งนี้ก็แฝงไปด้วยกิมมิกทุกซอกมุม สมฐานะสถานที่แสวงบุญอันดับ 1 ที่แฟน ๆ ไฮคิว!! จากทุกสารทิศหลั่งไหลมาเยี่ยมเยือนตลอดเวลาหลายปี

     เริ่มตั้งแต่ฝั่งขวามือของประตูทางเข้า ไฮไลต์แรกของเราได้แก่ภาพวาดฮินาตะและ คาเงยามะ โทบิโอะ ในยูนิฟอร์มแข่งของคาราสึโนะ ฝีมืออาจารย์ฟุรุดาเตะคนดีคนเดิม ซึ่งถ้าถามว่าน้องมาทำอะไรตรงนี้ แม่ก็ขอตอบอย่างภาคภูมิใจเลยว่าน้องมาทำงานค่าาาา เพราะตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 เทศบาลเมืองเซ็นไดเพิ่งจะประกาศแต่งตั้งสองตัวละครหลักจาก ไฮคิว!! เป็นทูตการท่องเที่ยวพิเศษประจำเมือง แถมยังเล่นใหญ่ มีพิธีเปิดป้ายเป็นเรื่องเป็นราว

     ก่อนจะมา เราแอบกังวลนิดหน่อยว่าเขาจะยอมให้ต่างด้าวที่ไม่ได้มาเพื่อเล่นกีฬาแน่ๆ อย่างเราเดินเพ่นพ่านภายในศูนย์กีฬาชุมชนมากน้อยแค่ไหน แต่ทันทีที่ได้เข้าไปก็เจอฝรั่งกลุ่มหนึ่งกำลังมะรุมมะตุ้มตรงหน้ารีเซปชั่นอยู่ก่อนแล้ว ไม่ต้องสบตาก็รู้เลยว่าพวกเดียวกัน

     ขอบคุณนะ… พฤติกรรมติ่งที่ไร้พรมแดน สบายใจละ 😆

     ระหว่างรอให้รีเซปชั่นหายวุ่นวาย เราเดินดูตู้กระจกฝั่งตรงข้ามที่จัดแสดงนู่นนั่นนี่เกี่ยวกับ ไฮคิว!! รวมทั้งผลงานที่อาจารย์ฟุรุดาเตะวาดไว้ให้สนามแห่งนี้โดยเฉพาะ (แต่เอาเข้าจริงพอจบทริป เราก็ค้นพบว่าอาจารย์ได้ตามไปเจิมสถานที่แสวงบุญแทบทุกแห่งไว้หมดแล้วนี่หว่า) เราได้คุยกับเจ้าหน้าที่นิดหน่อย เขาแนะนำว่าเดินเล่นได้ ขึ้นไปดูสนามจากด้านบนก็ได้ แค่ตรงไหนห้ามเข้าก็อย่าฝืน ของที่ระลึกท่านทูตการท่องเที่ยวก็กดตู้สั่งเอาที่นี่ได้เหมือนกัน พวกเราเลยจัดผ้าพันคอกันไปคนละผืน แฮปปี้

     ไม่ไกลจากรีเซปชั่นคือโถงทางเดินที่คุ้นตา พื้นกระเบื้องสีน้ำตาล เก้าอี้สีชมพู และที่แขวนอยู่ตรงผนังนั่น… เราขอเรียกว่าดวงหน้ายาราไนก้า (ถ้าคุณเข้าใจ เราคือเพื่อนกัน 😅)

     ด้วยความใส่ใจใคร่รู้เรื่องพรรค์นี้อย่างยิ่งเลยลองอ่านคำบรรยายผลงานดู สรุปว่านางคือพระอาทิตย์ที่คอยให้พลังงาน เช่นเดียวกับกีฬาที่เพิ่มสีสันให้ชีวิต และการเติมตา จมูก ปากลงไปแบบใหญ่แบบสับ ก็เพื่อให้พระอาทิตย์และมนุษย์ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น… อ่อ อืมมมม

     อีกรายละเอียดที่กระจายตัวอยู่ทั่วโรงยิม คือป้ายชื่อแปะตามส่วนสูงของตัวละครต่างๆ ให้ความรู้สึกราวกับเราคือคุณพ่อคุณแม่ที่ขีดผนังบ้านเพื่อบันทึกการเจริญเติบโตของลูกๆ เอาไว้ ญี่ปุ่นเขาเติมเต็มจินตนาการเก่งอะ ยอม

     ส่วนที่โซนคอร์ตวอลเลย์ จังหวะพอดีว่าวันนั้นมีเด็กๆ มหาวิทยาลัยมาทำกิจกรรมคล้ายกีฬาสีกันอยู่ พวกเราเลยไม่ได้เก็บภาพสนามโดยรวม แต่แค่ได้นั่งเงียบๆ ซึมซับบรรยากาศบนอัฒจันทร์ก็มีความสุขแล้วล่ะ จากที่เคยได้แต่เชียร์อยู่หน้าทีวี วันนี้เรามาถึงที่นี่แล้วนะ 

     อันที่จริง โรงยิมลักษณะนี้อาจจะหน้าตาคล้ายๆ กันหมด แต่เพราะว่าเป็นสนามที่โผล่มาในการ์ตูน วิวธรรมดาๆ เลยไม่ธรรมดาอีกต่อไป ได้อิ่มบุญอิ่มใจอีกหนึ่งกรุบ

     สำหรับใครที่อยากลองทัวร์โรงยิมแห่งนี้แบบเป็นเรื่องเป็นราว Kamei Arena Sendai มีให้บริการพาทัวร์ฟรีสำหรับคนทั่วไปอยู่บ่อยๆ แต่แน่นอนว่าพูดญี่ปุ่นล้วนและน่าจะต้องจองล่วงหน้า หรือถ้าต้องการความยืดหยุ่นหน่อยอาจจะต้องลองหาไกด์โลคอลดู อย่างวันนั้นเราได้เจอคุณลุงไกด์กับโอตะชาวญี่ปุ่นคู่หนึ่งกำลังชี้ชวนกันดูห้องน้ำชายที่สึกกี้เข้าไป (ยืนเก๊ก) ล้างหน้าหลังแมตช์ชิงแชมป์จังหวัดมิยางิ โดยลุงมาพร้อมกับรูปเรฟช็อตต่างๆ จากการ์ตูนเป็นปึก นี่ถือว่า ไฮคิว!! สร้างงานสร้างรายได้ที่แท้ ประทับใจมากค่ะ

     เราเดินทางกลับตัวเมืองเซ็นไดในช่วงเย็นและไม่ลืมที่จะแวะ Jump Shop ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 8 ของห้าง Parco ในละแวกสถานี

     ถ้ามองว่า ไฮคิว!! แทบจะเป็นสินค้า OTOP ของเมืองนี้ไปแล้ว บรรยากาศใน Jump Shop อาจจะน่าผิดหวังเล็กน้อย เพราะไม่ใช่ว่ามองไปทางไหนก็จะมีแต่ ไฮคิว!! ขนาดนั้น 

     แต่ยังมีที่วัดส่วนสูงนะ และจะมีตลอดไป 🤣 

DAY 2

     มาญี่ปุ่นทั้งทีจะไม่มีรูปอื่นๆ ไปอวดคนทางบ้านเลยนอกจากรูปติ่งก็คงไม่ได้ แต่จะให้ละเว้นการแสวงบุญไปทั้งวันก็คงผิดธรรมชาติตัวเองเหมือนกัน

     หลังจากหาข้อมูลพักใหญ่ พวกเราตัดสินใจเลือกปักหมุดที่เมืองอิวาอิซึมิในจังหวัดอิวาเตะด้วยสติ 1% และชื่อเมือง 99% และไม่ว่าอาจารย์ฟุรุดาเตะจะนึกถึงเมืองเล็กๆ แห่งนี้หรือไม่ตอนตั้งชื่อให้ตัวละคร ฮาจิเมะ อิวาอิซึมิ เอซสุดคูลแห่งโรงเรียนอาโอบะโจไซ (เซย์โจว) ไฮคิวโอตะและชาวเมืองก็จับเชื่อมโยงกันไปแล้วเรียบร้อยอยู่ดี 😅

     จุดหมายปลายทางของวันนี้ได้แก่ Ryusendo ถ้ำหินปูนที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น และ จุดพักรถ Road Station Iwaizumi สถานที่ต้องห้ามพลาดของเหล่าสาวกอิวะจัง (ขออนุญาตเนียนเรียกตามโออิคาว่าซัง)  

     จากเซ็นได เรานั่งชินกันเซ็นอีกครั้งเพราะอยากจะใช้โทโฮคุพาสที่ซื้อมาให้คุ้ม ลงรถไฟที่สถานีโมริโอกะ (Morioka) และเช่ารถขับลัดเลาะภูเขาลูกแล้วลูกเล่าจนมาถึงถ้ำ Ryusendo

     ถ้าไม่หลุดธีมเราคงได้ร่ายยาวอวยยศถ้ำหินปูนแห่งนี้อีกสักหนึ่งหน้ากระดาษ เลยขอสรุปสั้น ๆ แค่ว่ามันดีมากกกก มีโอกาสเมื่อไหร่มาลองเถอะ 

     สีฟ้าของน้ำในถ้ำทำให้อดนึกถึงสีฟ้าของอาโอบะโจไซไม่ได้ด้วยนะ 🥹

     ออกจากถ้ำมาก็บ่ายคล้อยแล้ว ร้านข้าวที่หลงโผล่มาตามป่าตามเขาก็พากันปิดหมด เราสองคนที่หิวโซจึงรีบพุ่งไป Road Station Iwaizumi ทันทีด้วยความหวังว่าจุดพักรถจะต้องมีอะไรให้กินสิ (ลืมติ่งไปชั่วขณะ)

     และแล้วที่นี่ก็มีร้านข้าวจริงๆ แถมเรายังมาทันก่อนเวลาครัวปิดแบบฉิวเฉียด แต่พอมองไปทางไหนก็เจอแต่อิวะจัง คุณโอยเพื่อนรัก และเด็กๆ เซย์โจวเต็มไปหมด คราวนี้เลยว้าวุ่นละ กลัวไม่ได้ติ่งอีก เพราะห้าโมงเย็น โซนในอาคารที่นี่ก็จะปิดหมดแล้ว 

     ถ้าการได้กินข้าวตอนหิวจัดๆ นับเป็นความสุขสุดยอดอย่างหนึ่ง การได้สัมผัสความสุขนั้นในบรรยากาศแบบนี้ คิดว่าหาที่ไหนก็คงไม่มีอีกแล้ว 

     ถึงจะไม่ได้นั่งอยู่ด้วยกันจริงๆ แต่แค่นี้ติ่งก็มโนเองได้ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะที่ทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้นไปอีก 41% 💙     

DAY 3

     ในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างวัยเด็กสู่วัยรุ่น เราเคยหลงใหลความบันเทิงจากญี่ปุ่นเอามากๆ ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่ผลงานที่ล้ำหน้ายุคสมัย เรื่องราวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ แต่พอเวลาผ่านไป เราโตขึ้น ความพยายามจะทำทุกอย่างให้ดี ทำอะไรต้องไปให้สุดทางของตัวละครต่างๆ จากญี่ปุ่นกลับค่อยๆ เสื่อมมนต์ขลัง เราเริ่มตั้งคำถามว่าคาแรกเตอร์แบบนี้มันมีมิติจริงเหรอ หรือทั้งหมดก็แค่กุศโลบายเพื่อขับเคลื่อนสังคมอย่างหนึ่งเท่านั้น

     จนในวันที่อายุย่างเข้าเลขสาม เราได้พบกับ ไฮคิว!! และกลายเป็นผู้หญิงหมกมุ่นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่องค์ประกอบทุกอย่างก็เข้าสูตรสำเร็จเมดอินเจแปน สไตล์ที่คิดว่าตัวเองแกรดออกจากวงการไปนานแล้ว ทำไมกันล่ะ?

     เราครุ่นคิดขณะมองวิวข้างทางที่เวิ้งว้างว่างเปล่า หมู่บ้านที่ผ่านตาต่างก็ร้างไร้ผู้คน จากที่พักของเราแถวเทือกเขาฮะจิมันไต (Hachimantai) ยังต้องขับรถอีกประมาณ 1-2 ชั่วโมงกว่าจะถึงคารุไม (Karumai) บ้านเกิดของอาจารย์ฟุรุดาเตะและเมืองต้นแบบของคาราสึโนะ

     แต่แน่นอนว่าไม่มีเหงาเพราะเราเปิดซาวด์แทร็กไฮคิวดังกระหึ่มตลอดทาง //ต้องขอโทษเจ้าป่าเจ้าเขาด้วยค่ะถ้ามีเสียงแปลกๆ เล็ดลอดออกไป 😅

คารุไมเป็นเมืองเล็กๆ แบบที่พอกูเกิลแมปส์บอกว่าถึงแล้วก็คือถึงเลย เราวนรถมาจอดที่ Takesawa Store จะได้ไม่เกะกะเป็นภาระชาวบ้านตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบย่าง 

     ที่นี่คือ Shimada Mart ร้านของคุณชิมาดะ ศิษย์เก่าคาราสึโนะและรุ่นพี่ชมรมวอลเลย์บอลผู้สอนลูกเสิร์ฟหวังผลให้ยามากุจินั่นเอง

     เราแวะเข้าไปซื้อน้ำและขนมนิดหน่อยเพื่อตอบแทนค่าที่จอดรถฟรี (ซึ่งก็คือข้ออ้างสำรวจร้านเขาน่ะแหละ) แต่ด้วยความเกรงใจคุณตาคุณยาย ลูกค้าผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จึงไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ที่จริงแค่ได้มาเห็นยามากุจิ สึกิชิมะ และผองเพื่อนของพวกนางทั้งในร้านนอกร้านก็เริ่มไฮป์ อยากไปที่อื่นต่อแล้วววว

     เดินทะลุซอกซอยอีกเล็กน้อยจนมาโผล่หน้า ร้านของฝากคารุไม โลเคชั่นที่แม้จะไม่ได้อยู่ในการ์ตูน แต่รีวิวเจ้าไหนๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องมา

     และก็จริงตามนั้น เพราะภายในร้านที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์เกษตรจากชุมชนแห่งนี้กลับมีเด็กๆ ไฮคิวแทรกซึมอยู่แทบทุกหลืบมุม หรือถ้าอยากจะหวีดให้เป็นที่เป็นทาง เขาก็มีจัดโซนแยกไว้ จะถ่ายรูป จุ่มกาชาปอง หรืออยากร้องไห้ก็ได้เลย เอาที่สบายใจ 😆

     แถมพอไปขอแคชเชียร์แลกเหรียญกดกาชาปองเพิ่ม คุณป้าคนขายก็ควักแผนที่ติ่ง a.k.a. คู่มือแนะนำเมือง พร้อมรูปวาดโดยอาจารย์ฟุรุดาเตะออกมาสมนาคุณ ซึ่งของพวกนี้จะแจกให้เฉพาะคนที่ถ่อมาถึงคารุไมเท่านั้น (ทรงคุณค่า) เพราะฉะนั้นถ้าใครได้มาก็อย่าเอาไปสแกนแจกในเน็ตเด้อ ชาวเมืองเขาเขียนขอความกรุณาไว้  

     ก่อนออกจากร้าน เราพลิกดูเจ้าแฟ้มเหลืองที่มุมถ่ายภาพและพบว่านี่มันสุดยอดลายแทงนักแสวงบุญนี่หว่า จุดแนะนำบางที่ไม่เคยเห็นใครพูดถึงเลยด้วย ฮืออออ อยากไปทั้งหมดแต่เวลาก็ไม่ค่อยมีแล้ว… คงต้องไว้คราวหน้าแล้วแหละ (นั่น!)

     เป้าหมายต่อไปของเราตั้งอยู่สุดหัวมุมถนนอีกฝั่งจึงต้องเดินผ่านตึกรามบ้านช่องที่พากันปิดประตูเงียบเชียบจนน่าใจหาย ถึงจะมีเศษเสี้ยวความโอชิ ไฮคิว!! ให้เห็นตลอดทางก็ตาม และเมื่อได้มายืนอยู่หน้า ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า Tatesaka จุดเริ่มต้นที่ทำให้ฮินาตะได้รู้จักกับ ‘ยักษ์จิ๋ว’ จนตกหลุมรักวอลเลย์บอลเป็นครั้งแรก ทุกอย่างที่ควรจะซึ้งก็กลับชอร์ตฟีลไปหมดเพราะว่าร้านปิดเหมือนกันจ้ะ ผิดที่ฉันมาวันอาทิตย์สินะ 😭

     ถัดจากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าไปไม่กี่ช่วงตึกคือ ครัว Karumai ซึ่งว่ากันว่าเป็นที่มาของร้านอาหารที่ซาเอโกะ (พี่สาวของทานากะ) ทำงานพิเศษอยู่ แต่งานนี้ก็อย่าหวังจะได้กินเช่นเดียวกัน เพราะเขาปิดวันอาทิตย์อีกแล้วครับท่านผู้ชมมมม

     เลยไปอีกนิดบนถนนเส้นเดียวกัน ในที่สุดก็ต้องมีสักที่ที่จะไม่ปิดใส่ฉันสิวะขอร้องล่ะ และ Haikyu!! Pilgrimage Visitor Center ก็ไม่ทำให้ติ่งผิดหวัง ขอบคุณที่ช่วยเป็นที่พักพิงยามยากสมชื่อค่ะ

     แต่ถึงจะเรียกตัวเองเป็นศูนย์บริการนักแสวงบุญ ด้านในก็ใช่ว่าจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่นะ พวกเรามองหน้ากันพลันนึกสงสัยว่าปล่อยติ่งไว้กับของติ่ง (อันเลอค่า) เต็มไปหมดอย่างนี้จะดีเหรอ ยั่วตายั่วใจมาก ๆ แม่ ช่วยด้วยยยย

     เท่านั้นไม่พอ ที่ลิ้นชักข้างประตูยังมีให้หยิบของที่ระลึกฟรีคนละชิ้นอีก โดยของที่แจกก็พวกกู้ดส์ สิ่งละอันพันละน้อยของ ไฮคิว!! ที่ปกติได้แถมมาบ้าง ต้องหาซื้อบ้าง และดูจากปริมาณของที่เหลือให้เลือกแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าเมืองเขาเติมของบ่อยหรือคนมาที่นี่น้อยมากๆ ด้อมนี้คงมีแต่คนดี หยิบกันไปคนละชิ้นจริงๆ แน่ คิดได้อย่างนั้นก็รู้สึกพอเพียงขึ้นมาทันที ความสุขคือการแบ่งปัน ไม่ใช่ครอบครองอะเนอะ 😇

     จากที่นี่ ถ้าใครเกิดคันไม้คันมืออยากเสียตังค์แบบเราก็สามารถแวะ ร้านหนังสือ Matsuhashi ที่อยู่เยื้องไปฝั่งตรงข้ามได้นะ อันนี้ไม่ได้อยู่ในการ์ตูนแต่รับรองว่ามีสินค้า ไฮคิว!! ให้ช้อปเพียบ พอๆ กับของที่เขาไม่ยอมขาย ไม่ยอมให้จับน่ะแหละ 

     เราเดินหน้าต่อไปตามถนนสายเดิมโดยมีแม่น้ำยูกิยะ (Yukiya) ที่เห็นอยู่ลิบตาเป็นแลนด์มาร์ก ริมแม่น้ำ แห่งนี้คือชานเมืองโตเกียวทิพย์ของไฮคิวที่อาจารย์ฟุรุดาเตะเอามาใช้เป็นฉากหลังในวัยเด็กของคุโรและเคนมะตั้งแต่ตอนทั้งคู่เพิ่งเริ่มหัดเล่นวอลเลย์บอล และแม้จะขึ้น ม.ปลายแล้ว เขาสองคนก็ยังมาเดตกันที่นี่บ่อยๆ //เดี๋ยวววว

     บรรยากาศตรงนี้ดีงามมากจนอยากจะนั่งโง่ๆ ให้ลมตีหน้าอีกสักหนึ่งชั่วโมง แต่ด้วยความที่แดดก็แรงมากไม่แพ้กัน รูปที่เราถ่ายได้เลยออกมาประมาณนี้ 

     เช็กอินตามหมุดที่ปักไว้ในแนวราบหมดแล้วก็ถึงเวลาต้องไปเอารถและไต่เขาขึ้นเนิน เราจอดรถอีกครั้งที่ลานหน้า โรงเรียนมัธยมต้นคารุไม (Karumai Junior High School) ซึ่งว่ากันว่าเป็นโมเดลของโรงเรียนชินเซ็นที่เด็กๆ คาราสึโนะมาเข้าค่ายเก็บตัวช่วงฤดูร้อนกับเหล่าโรงเรียนพันธมิตรในโตเกียว

     และถ้าเหมือนจะเห็นอะไรตรงหน้าต่างอาคารเรียนด้านบน คุณก็ไม่ได้ตาฝาดค่ะ เป็นโชโย ฮินาตะ และนักกีฬาจากโรงเรียนคู่แข่งของนางจริงๆ … เอาซี่สถานศึกษาก็ไม่มีเว้น 😅   

     อีกด้านหนึ่งของลานนี้ยังมี โรงยิมประจำเมืองคารุไม สนามแข่งที่ฮินาตะและคาเงยามะได้ประมือกันเป็นครั้งแรกสมัยมัธยมต้น และเป็นบันไดทางเข้าโรงยิมแห่งนี้นี่เองที่ฮินาตะสัญญาว่าจะคอยตามเอาชนะคาเงยามะตลอดไป (ใจแม่)

     ตอนถ่ายรูปตรงนี้ พูดจริงๆ ว่าแอบมีน้ำตาซึม จากวันนั้นทั้งสองคนเดินทางมาไกลแค่ไหน (พวกเราที่ดั้นด้นมาถึงนี่ในวันนี้ก็เช่นกัน) ยิ่งสังเกตเห็นท้องฟ้าสีส้มอร่ามในอนิเมะก็ยิ่งฮือๆ อยากกลับมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกับตกที่นี่อีก

     เราขับรถขึ้นเนินอีกครั้งและหาที่จอดหลบมุมไม่ไกลจาก Kaneda Store หรือร้านซากาโนะชิตะของโค้ชอุไค แต่เพราะใจยังไม่กล้าพอจะเปิดประตูร้านเข้าไป เลยได้แต่หวังว่าใครสักคน (ที่ชื่อเคชิน อุไค) จะเป็นฝ่ายออกมายืนสูบบุหรี่หน้าร้านเสียเอง ซึ่งแน่นอนว่าไม่มี 

     น่าเสียดายที่เราไม่ได้มีเวลาดื่มด่ำกับภาพตรงหน้ามากมายนัก เพราะต้องรีบเอารถไปคืนที่สถานีนิโนเฮะ (Ninohe) และขึ้นชินกันเซ็นกลับโตเกียว แถมโรงเรียนเองก็แปะยันต์กันติ่งไว้ด้วยการขึ้นป้ายเด่นหราหน้าประตูว่าห้ามบุคคลภายนอกเข้า พวกเราจึงได้ข้อสรุปว่ามาได้ขนาดนี้ก็ดีเกินพอแล้วล่ะ

     แต่จังหวะที่กำลังเลี้ยวรถลงเขา ดันหันไปเห็นโรงยิมหมายเลข 2 ของโรงเรียนคาราสึโนะที่ชมรมวอลเลย์บอลชายเขาใช้กันประจำ

     ถือเป็นการจบทริปแสวงบุญได้อย่างสวยงาม ไม่มีอะไรคาใจ แม้จะมีอีกหลายสถานที่ที่ยังไม่มีโอกาสได้ไปก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะกลับมาใหม่!

     หลังจากไล่ตามรอยทิวทัศน์ต่างๆ ใน ไฮคิว!! มา 2-3 วัน เราเริ่มเข้าใจแล้วว่าความเรียบง่ายธรรมดานั้นมีคุณค่า เพราะมันคือเฉดสีที่คอนทราสต์กับโลกอันสลับซับซ้อนของผู้ใหญ่ (ซึ่งเราหนีออกมาได้ชั่วครั้งชั่วคราว)

     ขณะที่เรื่องราวการต่อสู้เพื่อจะยืนหยัดบนสนามเป็นคนสุดท้ายของตัวละครหลักนั้นน่าให้กำลังใจ แต่เส้นเรื่องของ ไฮคิว!! ที่ทำงานกับเรามากที่สุดกลับกลายเป็นเหล่าตัวประกอบทั้งหลายที่สุดท้ายต้องยอมทิ้งความฝัน ตลอดจนคนธรรมดาที่แม้จะไม่ได้มีเป้าหมายสูงส่งอะไรก็ยังพยายามอยู่กับปัจจุบันและเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเมื่อวาน—เราเองก็คงไม่ต่างกันล่ะมั้ง

     แต่อย่างน้อยฝันเล็กๆ ที่อยากมาตามรอย ไฮคิว!! ก็ทำสำเร็จแล้วนะ 😁

Coordinates:

• Hotel Metropolitan Sendai: maps.app.goo.gl/EUbAQSmqeuB8tdcE7
• Kamei Arena Sendai: maps.app.goo.gl/1Ah73Vx7D6uVZcR5A
• Jump Shop, Sendai: maps.app.goo.gl/wpFqFkkKWneKaqcD9
• Ryusendo Cave: maps.app.goo.gl/cYUiwEm2DRU6HG9cA
• Road Station Iwaizumi: maps.app.goo.gl/8EZ1FPcQkJwghi2N6
• Takesawa Store: maps.app.goo.gl/44nA3MxNHBhTUcK26
• Karumai Souvenir store: maps.app.goo.gl/my5ad2VnvMs8fS8U8
• Tatesaka Electronic Store: maps.app.goo.gl/whLjJ8c6NCVKtiTY6
• Karumai Restaurant: maps.app.goo.gl/DqHEkwDmktggtXY18
• Haikyu!! Pilgrimage Visitor Center: maps.app.goo.gl/xHBD1hz29VhhfKjw5
• Matsuhashi Book Store: maps.app.goo.gl/3dAXZjzdmisQA66v9
• Yukiya Riverbed Park: maps.app.goo.gl/9aXb73xzjiKCospG6
• Karumai Junior High School: maps.app.goo.gl/HA6G5gNtZz9XpDG17
• Karumai Townspeople Gymnasium: maps.app.goo.gl/6QshSP8xBAR9tYCw8
• Kaneda Store: maps.app.goo.gl/XN8f2mzauiZfxfZs7
• Karumai High School: maps.app.goo.gl/Z2DmuTafc3C2MjNu7