Tue 23 Feb 2021

I’M STILL MISSING YOU

รวมคำถามไว้ถามใจตัวเอง ในวันที่คิดถึงคนที่เคยอยู่เคียงข้างกันในความทรงจำ

ภาพ: erdy

     เราคบผู้ชายคนหนึ่งมา 7 ปี เลิกกันไปประมาณ 3-4 ปีแล้ว เพราะหลายๆ เหตุผลสะสมมานาน 

     ช่วงแรกที่เลิกกัน เขาพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะให้เรากลับไปอยู่ในชีวิตเขา แต่เราก็ยังรู้สึกกลัวและคิดว่าถ้ากลับไปคงต้องเจอกับวงจรเดิม เราเลยพยายามผลักเขาออกจากชีวิต อีกเรื่องคือหลังเลิกกันมาระยะหนึ่ง เรามีคนเข้ามาคุย และอยู่ข้างๆ คอยรับฟังปัญหา แล้วก็รู้สึกว่าในช่วงนั้นคนนี้ดีกับเรามากเลย ทำให้เรายิ่งพยายามจะลบแฟนเก่าออกไปให้ได้ 

     แต่พอเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ เรากลับคิดถึงแฟนเก่ามากขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเจออะไร เกิดเรื่องอะไรเราก็คิดถึงเขาเป็นคนแรกเลยทั้งๆ ที่เราก็มีคนคุยอยู่ ส่วนแฟนเก่าเขาก็ไปเริ่มชีวิตใหม่กับคนอื่นแล้ว แต่เราเฝ้าดูเขาอยู่ตลอดเลยนะ ทั้งคู่ดูเข้ากันดี ดีมากจนเราใจหาย ว่าเขาคนนั้นที่เคยเรียกร้องถึงเราตลอดเวลา เขาไม่โหยหาเราอีกแล้ว ความรู้สึกมันมีทั้งยินดีและขุ่นมัวในเวลาเดียวกัน 

     ยินดีมากที่เขายอมรับซึ่งกันและกันแล้วใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น ซึ่งเราคงให้ชีวิตแบบนั้นกับเขาไม่ได้ ส่วนเรื่องที่ขุ่นมัวก็คงเป็นความรู้สึกที่ว่าเราหายไปจากชีวิตเขาตลอดกาลแล้ว

     เราหายไปจากชีวิตเขา โดยที่เขาไม่คิดถึงเราอีกแล้วทั้งๆ ที่เราแม่งคิดถึงเขาอยู่ตลอด เราไม่ใช่คนที่เป็น The Best ของเขาอีกต่อไปแล้ว

     และทั้งที่ตอนนี้เราก็ยังคุยกับคนเดิมอยู่ แต่เราจะต้องคิดเปรียบเทียบในใจทุกครั้งว่า ถ้าเป็นแฟนเก่าเราจะไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ เขาจะดูแลเราดีกว่านี้ตลอดเลย เราไม่เข้าใจว่าทั้งๆ ที่เขาทำให้เราเสียใจ แต่ทำไมเรากลับยังคิดถึง คิดว่าเขาดีที่สุดอยู่อีก ไม่มูฟออนจากเขาสักที และเราไม่รู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้เรื่อยๆ ความสัมพันธ์กับคนอื่นจะสั่นคลอนมั้ย

ak

     สวัสดีครับคุณ ak จากที่อ่านดู ก่อนหน้านี้คงเป็นช่วงเวลาที่สับสนสำหรับคุณมากๆ และดูเหมือนมีความกังวลในความสัมพันธ์ปัจจุบันอยู่ด้วย 

     ผมรู้สึกว่าข้อความที่คุณส่งมายังคลุมเครือ และดูมีหลายคำถามที่คุณก็ยังตอบตัวเองได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เพราะงั้นผมเลยอยากให้คุณ ak ลองทบทวนตัวเองอีกที เพื่อจะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นก่อนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่ และเพื่อที่คุณจะได้มีแนวทางที่ชัดเจนสำหรับตัวเองว่าควรทำยังไงต่อไป ผมก็ขอมอบคำถามไว้ให้ชุดหนึ่ง เผื่อว่าคุณ ak และคนที่ประสบปัญหาเหมือนกันจะลองเอาไปใช้สำรวจตัวเองดูนะครับ

     คำถามแรก จะรอหรือไปต่อ?

     ตัวหนังสือบอกว่าอยากมูฟออนแล้ว แต่ก็ยังมีเศษเสี้ยวความรู้สึกอาลัยอาวรณ์หลงเหลืออยู่ ผมเลยไม่แน่ใจว่าลึกๆ แล้วคุณยังรอเขาอยู่หรือเปล่า

     คำถามที่สอง แล้วช่วงก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้คิดถึงมันมีอะไรแตกต่างกับตอนนี้ที่คิดถึงเขามากขึ้น มีอะไรแตกต่างกันบ้างมั้ย

     ที่ผมเห็นจากตัวหนังสือ คือ “แต่พอเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้กลับคิดถึงแฟนเก่ามากขึ้น” คุณอาจจะต้องลองทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าอะไรกันที่ทำให้เราคิดถึงเขามากขึ้น มีปัจจัยอะไรที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ มีอะไรมากระตุ้น ทั้งที่เคยอยู่ได้มาแล้วแบบไม่คิดถึง

     แต่ผมเข้าใจหนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนที่มีอาการแบบคุณน่าจะเป็นเหมือนกันคือ การยังรับรู้ รับทราบ ติดต่อ และเห็นความเป็นไปของเขาอยู่ ดังนั้นวิธีการที่เป็นพื้นฐานที่สุดคือ ตัดช่องทางติดต่อ ตัดการรับรู้ถึงเขาไปครับ อันเฟรนด์ บล็อกให้หมด สิ่งของอะไรที่ทำให้เรานึกถึงเขาให้ทิ้งไป หรือถ้ายังไม่พร้อมทิ้งก็เอาไปเก็บให้พ้นสายตา เพราะสิ่งเหล่านี้ยังสามารถกระตุ้นให้เราเกิดความรู้สึกคิดถึงได้อยู่ 

     การที่เราอยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างนั้นจะมีปัจจัยที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ซึ่งการปรับสภาพแวดล้อมคือสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด เราสามารถทำได้เองเลย อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือไม่ เพราะบางคนอาจจะรับรู้ชีวิตกันแต่ก็ดำเนินชีวิตของตัวเองไปได้ หากบางคนก็อาจจะยังไม่พร้อมกับเงื่อนไขนี้

     คำถามที่สาม คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่คิดถึงคุณเลยหรือลืมคุณไปแล้ว? 

     ถ้าพูดตามความเป็นจริง ผมว่ามีคนมากมายที่เริ่มความสัมพันธ์ครั้งใหม่โดยยังไม่ลืมคนเก่า ซึ่งสิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ผมไม่ได้จะกล่าวโทษหรือบอกว่ามันผิด เพียงแต่จะชี้ให้เห็นถึงความเป็นจริงว่าตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือตัวคุณเอง… เพราะขณะที่คุณคุยกับคนหนึ่ง คุณก็ยังนึกถึงคนเก่าบ้าง ดังนั้นในทางเดียวกัน เขาก็อาจจะไม่ได้ลืมคุณอย่างที่คุณคิดก็ได้เพียงแต่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง ที่สำคัญกว่าคือ ไม่ว่าคุณจะคิดว่าเขาลืมคุณไปแล้วหรือยังคงคิดถึงอยู่ มันเป็นเพียงการคาดเดาและความคิดจากข้อมูลเพียงส่วนเดียว  ซึ่งคิดไปก็ไม่ได้คำตอบด้วยว่ามันเป็นแบบที่เราคิดจริงๆ หรือเปล่า ยกเว้นแต่จะมีอะไรมายืนยันได้ เช่น ก็ไปถามมาแล้ว เขาบอกมาเองจากปาก เป็นต้น

     นำมาสู่คำถามต่อไปคือ เมื่อไม่รู้คำตอบที่แท้จริงแล้วจะคิดไปทำไม คิดแล้วได้อะไร? 

     ในเมื่อคิดไปก็ได้แต่เดา แถมรู้สึกไม่ดีเปล่าๆ ดังนั้นต้องฝึกที่จะหยุดความคิดตัวเองครับ ถึงจะมีข้อมูลแค่ไหน ก็หยุดแค่นั้น ไม่ต้องไปคิดต่อ นึกเสมอว่าคิดต่อคือการเดาไปเรื่อย หรือถ้าหยุดไม่ได้ ลองเบี่ยงเบนความสนใจด้วยการหาอะไรทำ เพราะโดยธรรมชาติของการคิดถึงบางสิ่งต้องใช้สมรรถภาพของจิตใจหรือ mental capacity (ความสามารถของจิตใจในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น และการจัดการกับปัญหาต่างๆ) ซึ่งคนเรามีอยู่จำกัด ถ้าเราเอาไปใช้ทำอย่างอื่น มันจะได้ไม่หลงเหลือเอามาคิดถึงแฟนเก่าครับ หรือจะลองทำอย่างนี้ดูก็ได้นะครับ ตั้งเลข 1,000 ไว้ในใจ ลบออกทีละ 7 ไปเรื่อยๆ พูดผลลัพธ์ออกมาก็ได้หรือตอบในใจก็ได้ ระหว่างนี้ลองคิดถึงแฟนเก่าไปด้วย จะพบว่าทำได้ยากมาก

     คำถามต่อมาคือ กับแฟนเก่าหรือคนคุยคนก่อนๆ คุณเปรียบเทียบเขากับคนก่อนหน้าบ้างหรือเปล่า? 

     ถ้าใช่ก็อาจจะแปลว่าเป็นลักษณะปกติที่คุณอาจจะทำอยู่แล้ว แต่ถ้าเพิ่งจะมาเปรียบเทียบกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ต้องมาหาคำตอบแล้วครับว่าครั้งนี้มันต่างจากครั้งอื่นๆ ยังไง ทำไมครั้งอื่นไม่เห็นเปรียบเทียบ

     และคำถามสุดท้ายก็คือ ที่ยังคิดว่าเขาดีที่สุดเนี่ย ถ้าเขาดีจริงๆ เพราะอะไรถึงเลิกกับเขาล่ะ? 

     ผมเห็นว่ามีปัญหาที่สะสมมานานซึ่งแก้ไม่ได้ในระหว่างที่คบกันมา 7 ปี (ซึ่งก็ไม่ใช่เวลาน้อยๆ) จนเลิกกันในที่สุด แล้วตอนที่คบกันคุณอาจจะมีเงื่อนไข ปัญหา หรือสถานการณ์บางอย่างในฐานะแฟนกันที่ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ดีเลยตัดสินใจเลิกกัน แต่พอมาตอนนี้ที่ไม่ได้คบกันแล้ว ไม่ได้มีสถานะแฟนแล้ว เลยสามารถมองได้ว่าเขาดี คำถามที่พ่วงตามมาคือ ถ้ากลับไปคบกันจริงๆ และเจอเงื่อนไขเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ จะยังมองว่าเขาดีได้อยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าได้ แล้วอะไรที่ทำให้คิดเช่นนั้น ในเมื่อ 7 ปีที่พยายามกันมาตลอดยังทำไม่ได้เลย มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้มันแตกต่างออกไปในคราวนี้?

     สุดท้ายนี้ ผมต้องขอโทษคุณ ak ด้วยครับที่เขียนมาถามแล้วแทนที่จะได้คำตอบ กลับเจอคำถามเยอะกว่าเดิมอีก ฮ่าๆๆๆๆ แต่ผมเชื่อว่าถ้ามีคำตอบให้คำถามเหล่านี้ มันจะช่วยคุณได้มากทีเดียว ถึงอย่างนั้น ผมก็มีคำตอบที่พอจะให้ได้สำหรับการเขียนมาถามครั้งนี้ คุณ ak ถามว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์กับคนอื่นจะสั่นคลอนมั้ย” 

     ต้องบอกเลยว่าผมฟันธงไม่ได้ เพราะแต่ละคู่ แต่ละคน มีรายละเอียดที่แตกต่างกันมากๆ แต่ถ้าพูดเป็นแนวโน้ม ผมสามารถพูดได้ว่า การเอาคนปัจจุบันของเราไปเปรียบเทียบกับใครก็ตาม ไม่จำเป็นต้องแค่กับคนเก่าก็ได้ มันแสดงถึงความไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับในคู่ของตัวเอง ซึ่งมีแนวโน้มจะนำไปสู่การทะเลาะกันได้ครับ

     ก่อนจะจากกันไป ผมอยากชวนทุกคนลองมองแบบนี้ครับ มนุษย์เราทุกคนมีความรู้สึก การที่เรารู้สึกเศร้า เสียใจ และเสียดายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่ทุกความรู้สึกมีที่มา เราต้องหาที่มาให้เจอ ว่าเราคิดอะไร เรามองยังไงถึงรู้สึกแบบนี้ แล้วเราจัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไร หลายครั้งเราทนไม่ได้ที่จะต้องทนอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นจนต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง เช่น เข้าไปส่อง ทักไปหา เปิดเพลงเศร้าฟัง ซึ่งการกระทำเหล่านี้สามารถไปเสริมแรงอารมณ์ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเศร้า เสียใจ หรือโกรธให้รุนแรงกว่าเดิมได้ครับ

     มาถึงตรงนี้เราน่าจะเห็นตรงกันว่า แม้ความสัมพันธ์จะจบไปแล้วแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความทรงจำจะถูกลบตามไปด้วย มันยังมีคิดถึงเรื่องเก่าๆ อยู่ บางคนมาก บางคนน้อย บางคนคิดถึงแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร บางคนคิดถึงแล้วยังเศร้าอยู่ ผมเชื่อว่าไม่มีใครลืมกันได้สนิทหรอก แค่มันจะค่อยๆ เลือนรางไป แค่พอมีอะไรมาสะกิดก็อาจจะนึกถึงขึ้นมา ดังนั้น ไม่ต้องลืมก็ได้ เพียงแต่หาวิธีอยู่กับมันอย่างเป็นปัจจุบัน รับรู้ความรู้สึกของเรา เรารู้สึกอย่างไร ก็บอกตัวเองอย่างนั้น เออ เราเศร้า เออ เราเสียดาย นั่งอยู่กับมัน แล้วจะพบว่าทุกความรู้สึกไม่ว่าจะดีหรือแย่นั้นมันเกิดขึ้นแล้วก็หายไป เพียงแต่เราต้องหาและเข้าใจสาเหตุของมันเท่านั้นเอง