Fri 01 Apr 2022

WAKE UP CALL

Memoria กับการฟังเสียง ‘ปัง’ ที่ปลุกให้นักลงทุนตื่นจากฝัน

ภาพ: NJORVKS

     เสียง ปัง!!! ดังขึ้นในความเงียบ

     เจสสิก้า ฮอลแลนด์ งัวเงียตื่นขึ้นมาในตอนเช้ามืด เธอเข้าใจว่าเสียงดังลั่นนั้นเป็นเสียงการปลูกสร้างจากพื้นที่ใกล้เคียง แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เธอพบว่ามันไม่ใช่ เสียงนั้นตั้งคำถามให้เธอไม่มั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินเป็นความจริงหรือเป็นเพียงเสียงที่เธอได้ยินคนเดียวเท่านั้น 

     เธอพยายามหาคำตอบ และนั่นนำไปสู่ความสับสนพร่าเลือนระหว่างความจริงความฝันที่ยิ่งพบก็ยิ่งไม่เข้าใจ มีเสียงอีกมากที่ไม่มีใครได้ยิน มีเสียงอีกมากที่รอใครสักคนได้ยิน

     นี่คือฉากเปิดของ Memoria ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ อภิชาติ​พงศ์ วีระเศรษฐกุล ผมดูหนังเรื่องนี้พร้อมตั้งคำถามกับตัวเองไปทั้งเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องความพร่าเลือนระหว่างความจริงกับความไม่จริง หากเราได้ยินเสียงใดสักเสียงหนึ่ง เราจะยังเชื่อถือมันได้ไหม ในโลกที่มีเสียงมากมายเต็มไปหมด รบกวนการรับรู้ของเราอยู่ตลอดเวลา

     Memoria จงใจใช้เสียงที่มากเกินไปอยู่หลายฉากหลายครั้ง หรืออาจจะเรียกว่าตลอดทั้งเรื่องก็คงได้ การถ่ายทำหนังโดยทั่วไปจะตัดเสียงรบกวนออกให้ได้มากที่สุด เหลือแต่เสียงดนตรีประกอบคลอกับเสียงนักแสดงเป็นหลัก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ เราจะได้ยินเสียงที่ไม่จำเป็นต้องได้ยินมากมาย เสียงคนพูดคุยกันแบบจับศัพท์ไม่ได้ เสียงคนย่ำไปมาบนพื้นถนน เสียงรบกวนเล็กๆ ที่เกิดจากการขยับสิ่งของ เสียงนกร้อง เสียงน้ำไหล เสียงต่างๆ ที่เราแทบไม่เคยสนใจฟัง

     คล้ายกับว่าหนังกำลังใช้เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งบอกเราว่า โลกใบนี้มีเสียงมากเกินไป มากจนเราอาจจะไม่ได้ยินเสียงทุกเสียง นั่นจึงทำให้มนุษย์ต้องแยกสิ่งสำคัญกับสิ่งไม่สำคัญออกจากกันให้ได้ 

     แต่เมื่อทัศนคติของเรากำลังเปลี่ยนหรือเรากำลังตื่นรู้อะไรบางอย่าง ความเชื่อว่าจริงกับไม่จริงในหัวของเราจะเริ่มสั่นคลอน และขณะนั้นเองจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดในการตัดสินใจว่า เสียงที่เราได้ยินคือความจริงแท้หรือแค่เรื่องหลอกลวง

     ตลาดหุ้นมีเสียงดังมากมายเต็มไปหมด ในแต่ละวันจะมีข้อมูลมหาศาลหลั่งไหลเข้าและออกตลาดหุ้น ราคาซื้อ-ขาย ข่าวเศรษฐกิจ ข้อมูลกิจการ ปัญหาระดับประเทศ ระดับโลก ปัจจัยร้อยแปดพันเก้าที่วนเวียนไปมาเหมือนเสียงกระซิบเล็กๆ ที่ดังข้างหูเราอยู่ตลอด 

     เสียงจำนวนไม่น้อยอาจเบาบางจนถึงขั้นไม่ได้ยิน บ้างก็ดังไม่มากจนถึงขั้นที่จะสนใจจับเอามาเป็นประเด็นจริงจังได้ แต่หลายครั้งเสียง ปัง!!! ก็ดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของตลาดทุน นั่นอาจเป็นสิ่งที่ปลุกกระตุ้นสัญชาตญาณนักลงทุนให้กำเนิด ว่านั่นจริงแท้หรือหลอกลวง

     ช่วงปี 2555-2560 หนึ่งในหุ้นที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ GL หรือบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) บริษัทที่ทำธุรกิจหลักในการปล่อยกู้สินเชื่อเช่า-ซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อที่ใช้จักรยานยนต์ค้ำประกัน บริษัทขยายกิจการไปต่างประเทศมากมาย รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง แต่ความน่าสนใจถึงที่สุดคือราคาหุ้นต่างหาก 

     ช่วงต้นปี 2551 ราคาหุ้นวิ่งอยู่แถวๆ 1 บาท ก่อนจะทำจุดสูงสุดช่วงปลายปี 2559 ที่ราคาประมาณ 70 บาท คิดเป็นผลกำไร 70 เท่าในเวลา 9 ปี และเมื่อราคาหุ้นวิ่งดี เงินในกระเป๋าพุ่งขึ้นไม่หยุดหย่อน นักลงทุนก็ดูจะไม่ตั้งคำถามกับบริษัทมากมายนัก 

     GL มีลักษณะการทำธุรกิจที่ซับซ้อน มีการปล่อยกู้ข้ามบริษัทกันไปมา โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ แทบไม่มีข้อมูลอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ให้อ่านโดยละเอียด แต่ก็ไม่มีใครสนใจเป็นเวลาหลายปี ตราบใดที่ราคายังวิ่ง กำไรยิ่งเพิ่มขึ้นไม่หยุด คนจำนวนมากในตลาดหุ้นก็พร้อมจะหูหนวกไปชั่วคราว

     จนกระทั่งเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างเงียบเชียบ 

     ขณะที่ราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นไม่หยุด งบการเงินฉบับหนึ่งในช่วงปลายปี 2559 ก็มีรายงานความเห็นผู้สอบบัญชีออกมาในทางที่ไม่เชื่อมั่นต่อธุรกิจของบริษัทมากนัก จากปกติที่ผู้สอบบัญชีจะเขียนแสดงความเห็นว่า “ไม่มีเงื่อนไข” ซึ่งเป็นอันรู้กันว่าหมายถึงงบสะอาด ผู้สอบไม่เจออะไรมีพิรุธ ข้อความความเห็นมักจะจบในไม่กี่บรรทัด แต่สำหรับ GL ในเวลานั้น ผู้สอบบัญชีมีความเห็น และเป็นความเห็นที่ยาวมากเกือบสิบหน้ากระดาษ 

     คล้ายผู้สอบบัญชีกำลังตะโกนออกมาว่า งบการเงินของ GL อาจไม่สะอาดอย่างที่ใครหลายคนคิด บริษัทอาจกำลังปล่อยกู้ให้บริษัทตัวเองในต่างประเทศ เพื่อจะได้ตัวเลขดอกเบี้ยมหาศาลเข้ามาเป็นกำไร ซึ่งนั่นอาจจะเรียกว่าเป็นการตกแต่งบัญชีก็ว่าได้ 

     เป็นไปไม่ได้ว่าคนที่ตาม GL จะไม่ได้ยินเสียงนี้ เพราะนี่เป็นเสียงสำคัญและรุนแรงมากเหลือเกิน 

     เหมือนเป็นสัญญาณเตือนก่อนสึนามิจะถล่ม 

     แม้ทะเลจะยังราบเรียบ แต่เราจำเป็นต้องอพยพแล้ว

     หากเสียงระเบิดของผู้สอบบัญชีก็อาจจะดังไม่เพียงพอ เพราะราคาหุ้นยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้เกือบสองเดือน ถึงแม้จะมีราคาลดลงบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าเสียงปังอันแสนรุนแรงในเช้าที่สงบเงียบนั้นเลย 

     นักลงทุนค่อยๆ ตื่นเหมือนเจสสิก้า และอาจกำลังเถียงกับตัวเองอย่างรุนแรงว่าเสียงนั่นเป็นเรื่องจริง หรือแค่ความฝันที่ไม่อาจจับหาสาระได้ 

     จนกระทั่งมีเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง

     ราคาหุ้นไหลลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งราคาหุ้นลดลงถึง 30% ในวันเดียว เสียง ปัง!!! นั่นดังกว่ารายงานของผู้สอบบัญชีมาก 

     นักลงทุนอาจไม่สนใจข่าวฉาว dirty money ตราบใดที่ยังมีคำว่า money อยู่ แต่เมื่อ money ก็เริ่มไม่อยู่แล้ว เสียงนั่นก็เริ่มเขย่าความเชื่อมั่นและทำลายราคาหุ้นอย่างร้ายแรง 

     บรรยากาศในตลาดหุ้นตอนนั้นเหลือแต่คำสาปแช่ง จากหุ้นที่คนเทิดทูนว่าเปลี่ยนชีวิต เป็นสุดยอดธุรกิจที่แข็งแกร่งก็เหลือเพียงการเล่นปั่นแปะราคาขึ้น-ลงในแต่ละวัน

     ผู้บริหารของ GL ถูกกล่าวโทษจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กรณีทุจริตทำธุรกรรมอำพรางเพื่อให้ผลประกอบการสูงเกินความจริง กำไรที่สูงเกินจริงถูกลบล้าง ส่งผลให้กำไรช่วงต่อมาของบริษัทลดลงอย่างมาก 

     ห้วงนั้นเอง เหมือนทุกคนจะเชื่อมั่นยิ่งแล้วว่าเสียงประหลาดนั่นเป็นเรื่องจริง 

     หุ้น GL ถูกระงับการซื้อ-ขายไปนานจากการที่บริษัทไม่นำส่งงบการเงินกับตลาดหลักทรัพย์ ราคาหุ้นล่าสุด (ปี 2565) อยู่ที่ 0.65 บาท ปัจจุบันก็ยังถูกแช่แข็งและไม่สามารถซื้อ-ขายได้

     ภาพของเจสสิก้าทับซ้อนกับตัวผมในฐานะนักลงทุนซ้ำไปซ้ำมา 

     ขณะที่ผมกำลังดูภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในโรง ตลาดหุ้นมีเสียงมากเกินไป โลกการเงินมีเสียงมากเกินไป เราจำเป็นต้องเงี่ยหูฟังอยู่เสมอ เพราะเสียง ปัง!!! ที่ร้ายแรงเท่าสึนามิอาจจะกำลังเริ่มต้นกระซิบแผ่วเบาจากซอกมุมใดของความเงียบก็เป็นได้ 

     สิ่งสำคัญที่สุดคือการแยกความจริงกับความลวงออกจากกันให้เด็ดขาด เพราะนั่นเป็นทักษะสำคัญในการเอาชีวิตรอดท่ามกลางสารพัดเสียงที่ไม่เคยสงบเงียบลง