Fri 13 Aug 2021

ONE PIECE VOL. 1-32

บันทึกการผจญภัยใน ‘ONE PIECE’ เล่ม 1-32 ฉบับรวบรัด ทางลัดสู่การลงเรือ พร้อมกับกางธงโจรสลัด และร่วมเดินทางตามหาสมบัติล้ำค่าของโลกไปกับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง

ภาพ: ms.midsummer

บทความนี้มีการเผยแพร่เนื้อหาของมังงะ

     “สมบัติของข้ารึ? ถ้าอยากได้ ข้าจะยกให้ ก็ลองหาดูซี่ ข้าได้เอาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไว้ ณ ที่แห่งนั้นแล้ว”

     ถ้าคุณเคยเปิดดูช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี (ปัจจุบันคือช่อง 9 MCOT) หรือไอทีวี (ปัจจุบันปิดตัวไปแล้ว) ช่วงเช้าสมัยก่อนเป็นต้องมีได้ยินประโยคข้างต้นกันบ้างแหละ แต่ถ้าใครไม่เคยได้ยิน เราก็ขอเฉลยว่าประโยคดังกล่าวมาจากอนิเมะและมังงะขึ้นหิ้งอย่าง วันพีซ (One Piece)

     วันพีซ เป็นผลงานการเขียนของ ‘เออิจิโร โอดะ’ (Eiichiro Oda) เรื่องราวการผจญภัยของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง นำโดย ‘ลูฟี่’ เด็กหนุ่มสวมหมวกฟางผู้มีความฝันอยากเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด เขาและพรรคพวกออกเดินทางเข้าสู่แกรนด์ไลน์เพื่อตามหาสมบัติล้ำค่าที่เจ้าแห่งโจรสลัดในตำนาน ‘โกลด์ ดี. โรเจอร์’ ทิ้งเอาไว้

    วันพีซ เริ่มตีพิมพ์ปี 1997 ในนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ โชเน็น จัมพ์ (Weekly Shonen Jump) ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะ (Shueisha) ซึ่งก็ได้รับกระแสดีมากจนมีการรวมเล่ม เอาไปทำอนิเมะ ทำภาพยนตร์ ทำเกม และปัจจุบันก็ทะลุ 1,000 ตอนไปเรียบร้อยแล้ว แถมฉบับรวมเล่มกำลังจะแตะเล่มที่ 100 ในเร็ววันนี้ด้วย

     วันพีซ แมสไปทั่วโลก รวมถึงดินแดนคนดีอย่างประเทศไทย ซึ่งเราอาจคุ้นเคยผ่านรูปแบบอนิเมะที่ทีม Cartoon Club ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลและพากย์ไทยเผยแพร่ให้รับชมอยู่หลายปี (ปัจจุบันยุติการซื้อลิขสิทธิ์ไว้ที่ตอน 891) ส่วนมังงะ ผู้ครอบครองลิขสิทธิ์แปลและตีพิมพ์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสยามอินเตอร์คอมิกส์ (Siam Inter Comics) ที่ปัจจุบันตีพิมพ์ถึงเล่ม 98 แล้ว ซึ่งเมื่อสองอาทิตย์ก่อน สำนักพิมพ์สยามฯ ได้ประกาศว่าจะเปิดให้อ่าน วันพีซ แบบอีบุ๊กตั้งแต่เล่ม 1-90 กันฟรีๆ ผ่านทาง Ookbee และ Meb โดยจะมีช่วงเวลาและจำนวนเล่มที่กำหนดให้อ่านฟรีเป็นรอบๆ (ตาลุกวาว) 

     นี่ถือเป็นข่าวดี ท่ามกลางชีวิตที่อยู่ในรัฐบาลห่วยๆ ของแฟน วันพีซ และเหล่าผู้คนที่อยากร่วมผจญภัยในโลกโจรสลัดเหลือเกิน แต่ความที่ตอนบทความชิ้นนี้เผยแพร่ กำหนดการเปิดให้อ่านฟรีนั้น อยู่ในรอบของเล่ม 33-61 ไอ้เราก็กลัวว่าจะมีคนที่พลาดเพิ่งทราบข่าวคราว เคยแชร์โพสต์ไปแล้วลืม หรืออยากอ่านซ้ำแต่ไม่มีเวลา จนกดอ่านเล่ม 1-32 ไม่ทัน เลยถือโอกาสมาเล่าการผจญภัยจากเล่ม 1-32 แบบรวบรัดไว้ตรงนี้ซะเลย เพื่อให้คุณได้พร้อมไปต่อในรอบฟรีที่กำลังมีอยู่ หรือถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ลังเลว่าจะลองอ่านดีมั้ย เข้ามาแง้มดูตรงนี้ประกอบการตัดสินใจ ไม่แน่ว่าหลังอ่านจบ คุณอาจกดซื้ออ่านเองตั้งแต่เล่มแรก และกดอ่านเลยเล่มที่แจกฟรีไปโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้

     “อ่าน วันพีซ เล่ม 1-32 ไม่ทันรึ? ถ้าอยากได้เรื่องย่อ ข้าจะบอกให้ ก็ลองอ่านดูซี่ ข้าได้เอาเรื่องเล่าใน 32 เล่มไว้ ณ ที่แห่งนี้แล้ว”

     /พลิกหน้าถัดไป

     ชาวประมงจะออกเรือยังต้องดูดินฟ้าอากาศ เพราะงั้นก่อนลงเรือไปผจญภัยพร้อมกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เราขอมาชอร์ตโน้ตเชิงภูมิศาสตร์สักนิด

     โลกใน วันพีซ แบ่งทะเลออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ อีสต์บลู เวสต์บลู นอร์ทบลู และเซาท์บลู ซึ่งมีพื้นที่ทะเลพิเศษที่เรียกว่า ‘แกรนด์ไลน์’ เป็นเส้นทางเดินเรือรอบโลกจากฝั่งตะวันออกไปทางตะวันตก ระหว่างเส้นแกรนด์ไลน์นี้จะมีจุดตัดกับทวีปหนึ่งเดียวของโลกที่เรียกว่า ‘เรดไลน์’ ซึ่งก็คือเทือกเขาสูงกั้นทะเลเป็นแนววงแหวนรอบโลก

     แกรนด์ไลน์เป็นที่ที่โกลด์ ดี. โรเจอร์ เดินทางครบรอบ และกลายเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด ในวันที่โรเจอร์ถูกประหาร เขาได้กล่าวถึงสมบัติล้ำค่าอย่าง ‘วันพีซ’ ซึ่งเจ้าตัวได้เอามันไปไว้ที่หนึ่งในแกรนด์ไลน์แล้ว และว่ากันว่าวันพีซอยู่ที่เกาะสุดท้าย ทำให้เหล่าโจรสลัดต่างเข้ามาโลดแล่นในแกรนด์ไลน์ เพื่อตามหาและครอบครองวันพีซ ยุคสมัยของโจรสลัดลุกฮือขึ้นอีกครั้ง

     จากภาพคุณอาจสงสัยว่าแล้วเดินเรือข้ามเข้าแกรนด์ไลน์ไปเลยไม่ได้เหรอ จริงๆ มันมีทะเลที่ขนาบคั่นแกรนด์ไลน์ชื่อว่า ‘คาล์มเบลต์’ เป็นรังของเจ้าแห่งทะเลน่ะ แล่นเรือบนน้ำอยู่ดีๆ ก็อาจไปลอยเหนือน้ำอยู่บนหัวสัตว์สักตัวได้ คนที่มาจากทะเลทั้งสี่จึงจะเข้าแกรนด์ไลน์ที่บริเวณ ‘รีเวิร์ส เมาน์เทน’ เท่านั้น

     นอกจากนี้ โลกใน วันพีซ เกือบทุกส่วนจะอยู่ภายใต้การดูแลของรัฐบาลโลก ซึ่งรับอำนาจจากเผ่ามังกรฟ้า หรือพวกชนชั้นสูง และจะมีเหล่ากองบัญชาการทหารเรือเป็นลูกกระจ๊อก คอย ‘ผดุงความยุติธรรม’ คอย ‘ปกป้อง’ ประเทศสมาชิก และเกาะต่างๆ จากโจรสลัด

     จริงๆ จะมีรายละเอียดยิบย่อยมากกว่ามาก แต่ค่อยๆ ตามเก็บไปดีกว่า

VOL. 1-12

ตามหาพวกพ้อง และเข้าสู่แกรนด์ไลน์กันเถอะ

     เปิดเรื่องด้วยตัวละครเอก ‘มังกี้ ดี. ลูฟี่’ สมัยยังเป็นเด็กตัวน้อย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทะเลอีสต์บลู หมู่บ้านแห่งนี้ทำให้ลูฟี่ได้พบกับ ‘แชงคูส ผมแดง’ หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดผมแดง ซึ่งลูฟี่มักจะโชว์ความแข็งแกร่งเพื่อขอให้พวกแชงคูสพาออกเรือด้วยเสมอๆ 

     แน่ล่ะว่า แชงคูสไม่อนุญาต 

     แต่ก็มีอีกสิ่งที่แชงคูสไม่อนุญาตแล้วลูฟี่ดันทำลงไปโดยบังเอิญ นั่นคือการกินผลปีศาจที่พวกเขายึดมาได้ (ใครที่กินผลปีศาจเข้าไปจะได้รับความสามารถบางอย่าง ผลแต่ละชนิดจะมีความสามารถต่างกันไป ที่เหมือนกันมีอย่างเดียวคือทำให้ว่ายน้ำไม่ได้) ลูฟี่กินผลโกมุ โกมุเข้าไปทำให้กลายเป็นมนุษย์ยาง เนื้อตัวยืดได้ วันหนึ่งลูฟี่ถูกโจรภูเขาที่เคยมาเยาะเย้ยแชงคูสจับไป พวกแชงคูสกลับมาจากการออกเรือไปพอดีเลยช่วยไว้ทัน แต่ว่าแชงคูสเสียแขนไปข้างหนึ่งจากการปกป้องลูฟี่ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ลูฟี่เข้าใจเหตุผลที่แชงคูสไม่ยอมพาเขาออกทะเลเสียที และเข้าใจความเป็นโจรสลัดเท่ๆ มากขึ้นว่าเป็นยังไง 

     “สักวันหนึ่ง ฉันจะต้องรวบรวมพรรคพวกที่เก่งไม่แพ้ทุกคนให้ได้ แล้วจะเป็นผู้ค้นพบสมบัติล้ำค่าอันดับ 1 ของโลก ฉันจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด” ลูฟี่ประกาศกร้าว พร้อมกันนั้นแชงคูสก็มอบหมวกฟางของตัวเองให้และออกเดินทางไป

     สิบปีให้หลัง ลูฟี่ก็ออกเดินทางด้วยเรือลำเล็กที่ไม่ควรออกจากฝั่ง เป็นเรือหาปลาโง่ๆ ที่ไม่มีอะไรเลย! แต่ก็นะ โชคชะตาพระเอกจะมาแพ้พายุน้ำวนที่เจอระหว่างทางได้ยังไง ลูฟี่รอดไปเจอกับกลุ่มโจรสลัดหญิงกระบองเงิน ‘อัลบีด้า’ และได้รู้จักกับเด็กรับใช้เซ่อซ่าที่ฝันอยากเป็นทหารเรือชื่อ ‘โคบี้’ ทั้งคู่หนีรอดมาจากอัลบีด้าได้ และไปหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ‘มอร์แกนมือขวาน’ ผู้พันแห่งกองทัพเรือ ซึ่งจับตัว ‘โรโรโนอา โซโล’ นักล่าโจรสลัดผู้ใช้วิชาสามดาบไว้

     ลูฟี่ที่กำลังตามหาพรรคพวกได้เจอโซโลในลานประหาร และชวนมาเป็นพรรคพวกด้วย จริงๆ โซโลก็ไม่เอาหรอก แต่ลูฟี่มันจอมตื๊อนี่นา มองเห็นแล้วว่านายคนนี้แหละต้องดึงมาเป็นพรรคพวกของฉันให้ได้ ก็เสนอว่าจะไปเอาดาบสามเล่มที่โดนยึดมาให้ ถ้าอยากได้ดาบคืนต้องมาเป็นพวกด้วย (เป็นข้อเสนอที่แฝงผลประโยชน์สุดฤทธิ์) แต่เอาดีๆ มันจะมีโจรสลัดที่ไหนกล้าบุกเข้าไปฐานทัพเรือกั… 

     ลูฟี่ทำจ้า ทำทุกอย่างเพื่อพวกพ้อง (ในอนาคต) ได้ทั้งนั้น โซโลตัดสินใจเข้าร่วมทีมกับลูฟี่ และทั้งคู่ก็โค่นล้มมอร์แกนได้ (หากอยากดูฉากต่อสู้ละเอียดๆ พร้อมความหลังของโซโลกดไปเลยเล่มแรก) 

     “ขอบอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันมีความใฝ่ฝันของฉัน ซึ่งก็คือการเป็นนักดาบอันดับ 1 ของโลก” คำกล่าวจากสมาชิกคนแรกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง

     ถึงอย่างนั้น ลูฟี่ก็ต้องบอกลาโคบี้ที่เมืองนี้ เพราะโคบี้จะสมัครเข้ากองทัพเรือ ส่วนลูฟี่และโซโลก็ออกตามหาพรรคพวกคนต่อไปที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร ไร้แผนการสุดๆ อ้อ เล่าสักนิด เพราะลูฟี่เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ซื่อตรง และมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมาย เลยทำให้ไม่เคยวางแผนใดๆ มีดีที่เรื่องรักพวกพ้องอย่างที่แฟนคลับรู้อาจารย์โอดะรู้ ซึ่งตลอดการอ่านคุณจะค่อยๆ เห็นความบ้าๆ บอๆ เด๋อๆ ของลูฟี่ไม่ขาดตกบกพร่อง ก็เหมือนกับตอนนี้ที่เรือแล่นอย่างไร้จุดหมาย แล้วลูฟี่ก็ยืดมือไปจับนกบนท้องฟ้าหวังจะเอาลงมากิน แต่แล้วก็โดนนกคาบไปทิ้งที่เมืองหนึ่ง… 

     ที่นั่น ‘นามิ’ สาวผมส้มผู้เรียกตัวเองว่าเป็นขโมยโจรสลัด เชี่ยวชาญเทคนิคการเดินเรือ และรักในสมบัติก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งเธอได้ขโมยแผนที่แกรนด์ไลน์มาจากกลุ่มโจรสลัด ‘บากี้’ ที่อยู่ในเมืองได้พอดี ลูฟี่จึงเริ่มทำสิ่งที่ถนัดที่สุด 

     “เธอมาเป็นพรรคพวกของเราในฐานะต้นหนนะ พรรคพวกแห่งโจรสลัด” 

     นามิโบกมือลาเพราะเกลียดโจรสลัด มิหนำซ้ำยังสร้างเรื่องส่งตัวลูฟี่ไปให้บากี้อีก หลังจากนั้นก็มีการต่อสู้เกิดขึ้นอลหม่านวายป่วงมาก แต่ก็ลุล่วงมาได้แหละตามฟอร์ม เมืองแห่งนั้นได้รับความสงบสุขกลับคืนโดยที่ใช้เวลาไม่นานเหมือนใครบางคน ลูฟี่ได้แผนที่แกรนด์ไลน์พร้อมกับได้นามิเข้าร่วมทีม… (พบฉากสู้และดูความวายป่วงตรงนี้ได้ที่เล่ม 2,3 )

     ระหว่างลอยลำอยู่ในทะเล พวกลูฟี่ก็เริ่มคิดได้ว่าเรือเล็กๆ กับถังเหล้าคงพาพวกเขาเข้าแกรนด์ไลน์ไม่ได้ จึงตั้งใจว่าจะหาเรือที่แข็งแรงและต้องเตรียมเสบียงให้พร้อมก่อน ทั้งสามไปเทียบท่าที่หมู่บ้านหนึ่งซึ่งมี ‘อุซป’ จอมโกหกแต่จิตใจดี พ่อเป็นโจรสลัดในกลุ่มแชงคูสผมแดงมาต้อนรับ 

     อุซปเล่าถึงคุณหนูเศรษฐีในหมู่บ้านที่มีเรือไว้ในครอบครอง แน่นอนว่าก็จุดประกายให้พวกลูฟี่อยากไปขอเรือมาใช้ดื้อๆ 

     …เดี๋ยวๆ คิดจะไปขอกันง่ายๆ อย่างนี้เลยเรอะ! 

     คำตอบคือใช่เลยพวก ง่ายๆ อย่างนี้แหละ แต่ก็ขอไม่ได้นะ (แน่นอนสิใครจะให้!) ถึงอย่างนั้น นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับพวกลูฟี่และอุซปดันไปรู้ว่าพ่อบ้านที่ดูแลคุณหนู ‘คุระ ฮาโดล’ เคยเป็นโจรสลัดและกำลังมีแผนการหุบสมบัติคุณหนูกับฆ่าคนในหมู่บ้านทิ้ง อุซปจึงพยายามปกป้องคุณหนูและหมู่บ้านแห่งนี้ พวกลูฟี่ก็เลยขอร่วมพิทักษ์หมู่บ้านด้วย (อยู่ช่วงเล่ม 5, 6) หลังเอาชนะได้ คุณหนูก็มอบเรือโกอิ้ง แมรี่ให้กับพวกลูฟี่ ส่วนอุซปก็ตัดสินใจว่าจะเดบิวต์เข้าวงการโจรสลัด และออกเดินทางมากับพวกลูฟี่ด้วย

     แต่ก่อนจะเข้าแกรนด์ไลน์ ทุกคนก็เคาะกันว่าต้องตามหากุ๊กดีๆ มาเป็นพวกสักคน และพวกเขาก็เดินทางมาที่ภัตตาคารลอยทะเล ซึ่งมีอดีตโจรสลัด ‘เชฟขาแดง’ เป็นเจ้าของ และเป็นสถานที่ที่ทำให้เจอกับนายคิ้วม้วน ‘ซันจิ’ ซึ่งเป็นรองหัวหน้ากุ๊ก ลูฟี่เห็นแวว (อีกแล้ว) ว่าซันจิมีความเป็นกุ๊กดีๆ อยู่ในตัวก็เลยเล็งจะเอามาเป็นพวกให้ได้

     ราวกับเป็นธรรมเนียมที่การจะได้พรรคพวกมาสักคน ต้องยาก ต้องกล้า ต้องซ่า และต้องสู้ซะก่อน เพราะอยู่ๆ กลุ่มโจรสลัด ‘ดอนครีก’ ผู้ที่เพิ่งได้รับอาหารช่วยให้รอดตายจากภัตตาคารแห่งนี้ ก็ตอบแทนบุญคุณด้วยการจะยึดเรือของภัตตาคาร 

     ในช่วงกึ่งสู้กึ่งตัดพ้อความน่ากลัวของแกรนด์ไลน์ (เพราะกลุ่มดอนครีกเพิ่งหนีเอาตัวรอดมาจากแกรนด์ไลน์) กันตรงนี้แหละ ‘มิฮอว์ก ชายตาเหยี่ยว’ นักดาบที่เก่งที่สุดในโลกก็โผล่มาพอดี ถ้ายังพอจำได้ ความฝันของโซโลคือการเป็นนักดาบมือ 1 ของโลก นั่นแปลว่าเขาต้องโค่นล้มชายตาเหยี่ยวให้ได้ ความฝันถึงจะเป็นจริง โซโลเลยขอท้าดวล แต่การต่อสู้เรียกว่าไม่สูสีสักนิด โซโลแพ้ราบคาบ แต่เหนืออื่นใดคือใจโซโลมันได้ สู้ไม่ถอย จิตใจเข้มแข็งสุดๆ จนชายตาเหยี่ยวเอ่ยปากทำนองว่าอย่าใช้ชีวิตรีบร้อนไป จงแข็งแกร่งขึ้นไอ้หนู ฉันจะยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดรอเจ้านี่ล่ะ ฝึกฝนแล้วมาลองก้าวข้ามฉันสิ (แอบกรี๊ดส่วนตัว ฉากโซโลสู้และบทสนทนากับลูฟี่ตรงนี้ประทับใจมาก ไปค่ะเล่มที่ 6)

     ในเวลาเดียวกันนี้ นามิก็เหมือนจะหักหลังแก๊งลูฟี่ ขโมยเรือและสมบัติทั้งหมดไปแล้วเช่นกัน (!) ลูฟี่เลยให้อุซปกับโซโลตามเรือของนามิล่วงหน้าไปก่อน ส่วนเขาขอเคลียร์กับดอนครีกและดึงซันจิมาเป็นพวกให้ได้ แล้วค่อยตามไปเจอกัน ภาพตัดกลับมาที่การต่อสู้กับดอนครีก (อยู่ในเล่ม 6-8) ซันจิฉายแววว่าเขาไม่ได้มีดีแค่ทำอาหารนะเฟ้ย เรื่องการเตะนี่ไม่เป็นสองรองใคร ซันจิสู้สุดใจขาดดิ้นยอมตายได้เลย เพราะไม่อยากให้เชฟขาแดงต้องสูญเสียสิ่งที่มีไปอีกแล้ว ในที่สุดลูฟี่และซันจิก็เอาชนะมาได้ ซันจิตัดสินใจจะอยู่ภัตตาคารต่อ แต่ทุกคนในร้านรวมถึงเชฟก็อยากให้เขาออกไปผจญภัย และขอให้ลูฟี่พาซันจิไปด้วย

     “นายอยากเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดใช่มั้ย แสดงว่าเราเข้ากันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างมีความฝันบ้าบอพอกัน ฉันก็จะทำเพื่อเป้าหมายของฉัน” 

     ความฝันของซันจิคือการค้นหาออลบลู (ชื่อทะเลในตำนานที่ว่ากันว่าเป็นสวรรค์ของกุ๊ก) และเขาก็ได้เข้าร่วมกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางเรียบร้อย!

     ตัดไปที่เรือแมรี่ ตอนนี้ไปหยุดอยู่ที่เกาะในการปกครองของกลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือก ‘อารอน’ โดยอารอนปกครองหมู่บ้านในเกาะอย่างซึ่งๆ หน้าได้ก็เพราะให้เงินส่วยกับรัฐบาลที่ดูแลพื้นที่ตรงนั้น (สถานการณ์คุ้นมาก) อีกทั้งหมู่บ้านก็ต้องคอยจ่ายส่วยให้อารอนด้วย ในวันที่อารอนบุกหมู่บ้านแห่งนี้ เขาได้พรากแม่ของนามิให้จากไปตลอดกาล แต่ด้วยความสามารถวาดแผนที่ได้ นามิจึงต้องจำใจเข้าไปเป็นพวกอารอนตั้งแต่ 10 ขวบ โดยมีสัญญาว่าหากหาเงินครบร้อยล้านเบรีจะเอามาซื้อหมู่บ้านคืน ตอนนี้นามิเหลืออีกเจ็ดล้านเบรีเท่านั้น แต่สัจจะย่อมไม่มีในหมู่โจรสลัด อารอนหักหลังนามิ เพราะอยากใช้งานนามิต่อ นามิโกรธมาก ขอให้ลูฟี่ช่วย ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วมั้ย ลูฟี่บุกไปหาพวกอารอนด้วยความโกรธเกรี้ยว ซีนปกป้องพวกพ้องต้องมาแล้ว 

     “ไอ้อารอนที่ว่าน่ะ ตัวไหน” 

     “ห้ามมาทำให้ต้นหนเรือของฉันร้องไห้นะ” (เท่มาก ปริ่มค่ะ เจอได้ที่เล่ม 9, 10) 

     ลูฟี่สู้กับอารอน คนอื่นๆ ก็สู้กับเหล่าเสนาธิการอารอน ซึ่งลูฟี่พลาดท่าตกน้ำ ด้วยพลังผลปีศาจก็ทำให้ขยับอะไรไม่ได้เกียมตุย แต่ถ้าตุยตรงนี้มันจะไปมีถึงตอนที่ 1000 ได้ยังไง! โซโลสู้กับอารอนบนบก ยื้อเวลาไว้ให้ซันจิกับชาวเมืองไปช่วยลูฟี่ขึ้นมา ลูฟี่กลับสู่สังเวียนอีกครั้งในช่วงท้ายสู้กันไปถึงห้องสำรวจของนามิที่ต้องถูกอารอนใช้งานก็ทวีความโกรธอีกแมตช์ ในที่สุดลูฟี่ก็ชนะอารอนได้ พร้อมยืนเท่ๆ บอกว่า “นามิ เธอคือพวกพ้องของฉัน” เนี่ย มันจะรักพวกพ้องอะไรขนาดนี้ พอลูฟี่ชนะแล้วก็ยังไม่จบนะ เรื่องงานเสนอหน้า เอาหน้านี่ ‘ทหาร’ เรือต้องมา ทำทีจะจับพวกลูกฟี่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรายงานไปที่ศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรือ นั่นทำให้ลูฟี่มีค่าหัวใบประกาศจับ 30 ล้านเบรี (โจรสลัดจะถูกตั้งใบค่าหัวจากกองทัพเรือ ยิ่งราคาสูงแปลว่ายิ่งเก่งมาก)

     เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้นามิมาเป็นพรรคพวกแบบจริงๆ แล้ว กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางมุ่งหน้าสู่เมืองลองก์ทาวน์ เมืองที่เจ้าแห่งโจรสลัด โกลด์ ดี. โรเจอร์ เกิดและถูกประหาร ทุกคนเข้าเมืองไปหาซื้อของ ลูฟี่ไปดูแท่นประหารกลางเมือง แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจอพวกบากี้พร้อมอัลบีด้ากลับมาแก้แค้น พวกนั้นจับลูฟี่ได้ และจะฟันหัวตรงแท่นประหาร (มนุษย์ยางน่ะ ยิงไม่เข้า แต่ของมีคมไม่รอดเด้อ) โซโลและซันจิพยายามเข้ามาช่วย แต่เหมือนจะไม่ทัน วินาทีใกล้ตายลูฟี่ไม่ได้กลัวกลับหัวเราะเหมือนกับโรเจอร์ที่ถูกประหารไป 22 ปีก่อนไม่มีผิด ซึ่งลูฟี่ก็ยังรอดมาได้นะ เพราะอยู่ๆ ก็มีพายุ… 

     นอกจากพวกบากี้ ที่เมืองแห่งนี้ยังมี พันเอก ‘สโมคเกอร์’ และคู่หู่จ่า ‘ทาชิงิ’ แห่งกองทัพเรืออยู่ด้วย สโมคเกอร์เป็นมนุษย์ควันที่กินผลโมคุ โมคุเข้าไป กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางโดนไล่ลาแต่ก็รอดมาได้อีก และออกเดินทางไปยังเขารีเวิร์ส เมาน์เทน เพื่อมุ่งสู่แกรนด์ไลน์กันจริงๆ ซะที 

     “ฉันต้องการค้นหาออลบลู”

     “ฉันเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด”

     “ฉันจะเป็นยอดแห่งนักดาบ”

     “ส่วนฉันเพื่อเขียนแผนที่โลก”

     “ส่วนฉันเพื่อเป็นนักรบแห่งท้องทะเลที่ห้าวหาญ” 

     กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ผู้มีความฝันทั้งหลายก็ได้มุ่งสู่แกรนด์ไลน์ ณ บัดนี้

VOL. 13-23

ทวงคืนความสุขให้อาณาจักรอลาบาสต้า 

     เมื่อเข้าแกรนด์ไลน์มาได้ ก็เจอกับ ‘คร็อกคัส’ ที่ดูแลวาฬซึ่งชอบเอาหัวชนภูเขาเรดไลน์ และเจอกับ ‘มิสเวนสเดย์’ และ ‘มิสเตอร์ไนน์’ ที่ทำงานให้กับองค์กรลับ ‘บารอคเวิร์คส์’ (บริษัทรับจ้างอาชญากรรมที่ทำตามคำสั่งบอส ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร ทุกคนในองค์กรจะไม่รู้ที่มาและชื่อจริงของกันและกัน เพราะจะใช้โค้ดเรียก ซึ่งถ้าใครใกล้เลขศูนย์แปลว่าตำแหน่งยิ่งสูง) ทั้งคู่ได้รับภารกิจให้มาฆ่าวาฬ แต่ก็ไม่สำเร็จ และขอให้พวกลูฟี่พากลับไปเมืองวิสกี้ พีคด้วย ซึ่งเดิมทีพวกลูฟี่เดินทางโดยใช้เข็มทิศธรรมดา แล้วมันจะไปรอดอะไรในแกรนด์ไลน์ นี่พวกนายไม่ใช่กัปตันแจ็ก สแปร์โรว์ นะเฟ้ย คร็อกคัสจึงให้ล็อกโพส (เข็มทิศที่ใช้เดินทางในแกรนด์ไลน์ จะบันทึกคลื่นแต่ละเกาะที่ไปถึงโดยใช้เวลาต่างกันไป เมื่อบันทึกแล้วถึงจะเดินทางไปอีกเกาะได้) กับพวกลูฟี่ จากนั้นพวกเขาจึงมุ่งสู่เป้าหมายแรก

     เมืองวิสกี้ พีค ต้อนรับอย่างดีมาก ดุจงานเฉลิมฉลอง พวกลูฟี่ก็ดื่มสังสรรค์เมาแอ๋ยกใหญ่ แต่โซโลผู้คอแข็งก็ได้ล่วงรู้ว่าที่นี่คือรังของนักล่าเงินรางวัลคอยดักโจรสลัดที่เข้าแกรนด์ไลน์ เป็นรังของบารอคเวิร์คส์ การต่อสู้ยามราตรีระหว่างโซโลและนักล่าราว 100 คนก็เกิดขึ้น แน่นอนนายหัวมอสสีเขียวกวาดเรียบ (เรื่องตรงนี้ยังคาบเกี่ยวอยู่ในเล่ม 12 นะ)

     หลังจากนั้น บอสบารอคเวิร์คส์ก็ส่งเอเยนต์ในทีมมาฆ่ามิสเวนสเดย์ ซึ่งแท้จริงคือ ‘เจ้าหญิงวิวี’ แห่งอาณาจักรอลาบาสต้า (ดินแดนแห่งท้องทะเลทราย อาณาจักรที่กำลังโกลาหล เพราะพลเมืองกำลังลุกขึ้นปฏิวัติราชา โดยมีบารอคเวิร์คส์คอยปั่นเพื่อยึดครองอาณาจักร) พร้อมองครักษ์ของอาณาจักรที่แฝงตัวมาอยู่ในองค์กร และรู้ความลับว่าบอสคือ ‘ครอคโคไดล์’ ผู้มีค่าหัว 81 ล้านเบรี เป็นหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด (โจรสลัดมีฝีมือจำนวนเจ็ดคน ที่ทำงานให้กับรัฐบาลโลก แลกกับเงื่อนไขอภิสิทธิ์ต่างๆ) 

     พวกลูฟี่ช่วยวิวีไว้ได้ และเป้าหมายต่อจากนี้คือการมุ่งหน้าสู่อาณาจักรอลาบาสต้า ระหว่างนั้นล็อกโพสก็นำทางมาถึงเกาะลิตเติ้ลการ์เด้น (เกาะคนยักษ์) ซึ่งทำให้พวกลูฟี่ได้พบกับเผ่าคนยักษ์ที่ต่อสู้อยู่ในเกาะกันมา 100 ปีแต่ยังไม่มีใครชนะ รวมถึงชาวบารอคเวิร์คส์อย่าง ‘มิสเตอร์ทรี’ ที่ก็ได้รับคำสั่งให้ตามฆ่าวิวีและกำจัดกลุ่มโจรสลัดนี้ด้วย พวกลูฟี่รอดมาได้ และได้รับเอเทอนอลโพส (เข็มทิศเดินทางแบบล็อกเกาะเดียว) สำหรับเดินทางไปอลาบาสต้าม้วนเดียวจบ

     โคนันไปทุกที่แล้วมีคดีฉันใด การเดินทางของลูฟี่ย่อมมีอุปสรรคฉันนั้น นามิเกิดป่วยไข้ขึ้นสูงกะทันหัน ทำให้พวกเขาต้องไปขึ้นฝั่งที่อาณาจักรดรัม ที่นั่นทำให้พบกับ ‘โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์’ กวางเรนเดียร์ที่กินผลมนุษย์เข้าไปทำให้ร่างกายสามารถเปลี่ยนได้หลายแบบ (เล่ม 16, 17) ช็อปเปอร์เชี่ยวชาญการรักษา และอาศัยอยู่ที่ปราสาทบนหุบเขากับหมอแก่หนึ่งคน ลูฟี่และซันจิอาสาพานามิขึ้นไปที่ปราสาท แต่ระหว่างทางดันเจอหิมะถล่มและต้องต่อสู้กับกระต่ายยักษ์ กว่าจะมาถึงปราสาทได้ก็คือตุยหมด แต่ได้ช็อปเปอร์ช่วยไว้ทัน เรื่องยังไม่ทันจบ กษัตริย์ที่เคยทิ้งอาณาจักรไปก็กลับมาทวงคืน ช็อปเปอร์และพวกลูฟี่ร่วมต่อสู้จนเอาชนะได้ ลูฟี่ถูกใจช็อปเปอร์และชวนมาเข้าพวกด้วย ส่วนช็อปเปอร์ก็ปลื้มปริ่มในตัวลูฟี่เป็นทุนเดิม เพิ่มเติมคืออยากออกไปปจญภัยอย่างลูกผู้ชายพร้อมกับความฝันอันตั้งมั่นอยู่แล้ว

     “ฉันอยากจะเป็นหมอที่เก่งที่สุด เป็นหมอที่รักษาโรคได้ทุกโรค” ลูกเรือลำดับที่หกก็ก้าวลงเรือแมรี่

     ระหว่างทางพวกลูฟี่ได้พบปะ ‘มิสเตอร์ทู’ หนึ่งในเอเยนต์บารอคเวิร์คส์เข้าโดยบังเอิญ และได้รู้ความสามารถของผลเลียนแบบ ทำให้พวกเขาคิดวิธีรับมือสร้างสัญลักษณ์แห่งพวกพ้วงขึ้นมา

     เมื่อเดินทางมาถึงอาณาจักรอลาบาสต้า ลูฟี่พบกับพี่ชาย ‘โปโตกัส ดี. เอส’ หรือ ‘เอส หมัดอัคคี’ ผู้กินผลปีศาจไฟเข้าไป เอสเป็นหัวหน้าหน่วยที่สองของกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว (กลุ่มโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเวลานั้น เป็นคู่ปรับของโจรสลัดโรเจอร์) เอสฝากฝังน้องชายกับชาวคณะหมวกฟาง และทิ้งกระดาษชะตาชีวิต (วิเวิลการ์ด) ที่สามารถนำทางลูฟี่มาเจอเอสได้ให้ (ทดตรงนี้ไว้ในใจ เพราะจะเป็นส่วนหนึ่งในเส้นเรื่องหลักต่อจากนี้)

     จากเมืองท่า ทุกคนทอดน่องเดินทะเลทรายไปเมืองโอเอซิสอย่างยูบา เพื่อหยุดกองทัพปฏิวัติ แต่กองทัพปฏิวัติไปตั้งฐานอยู่ที่เมืองนาโนฮานาแล้ว ด้านครอคโคไดล์อยู่เมืองเรนเบสซึ่งต้องการครอบครองอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ในอาณาจักร เพื่อให้ตนมีอำนาจทางการทหาร และลบอลาบาสต้าออกจากแผนที่ ก็เตรียมระดมพลทำตามแผนให้เกิดการจลาจลระหว่างกองทัพอาณาจักรและคณะปฏิวัติ รวมถึงสั่งว่าอย่าให้หัวหน้าคณะปฏิวัติและวิวีเจอหน้ากัน 

     พอไม่เจอคณะปฏิวัติที่ยูบาก็นอยด์ ไหนจะการฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับอลาบาสต้าจากลุงที่ยูบาและวิวี ลูฟี่เลยเดือดปุดๆ บอกวิวีว่า เราจะไม่ไปหากองทัพปฏิวัติแล้ว อยากซัดครอคโคไดล์โว้ย ทีมจึงเปลี่ยนแผนไปเรนเบสเพื่อกำจัดครอคโคไดล์แทน พอถึงเรนเบสทุกคนก็กระจายตัวเพราะต้องหนีกองทัพเรือ แต่นามิ โซโล ลูฟี่ อุซป พร้อมๆ กับสโมคเกอร์ ทหารเรือที่ตามเข้าแกรนด์ไลน์และมาอลาบาสต้า ก็ติดกับดักของครอคโคไดล์

     ระหว่างที่ทุกคนถูกจับ แผนการของครอคโคไดล์ก็เริ่มไปแล้ว ชาวบารอคเวิร์คส์คอยปั่นยุยงให้กองทัพปฏิวัติลุกฮือบุกไปเมืองอัลบานา เมืองหลวงอลาบาสต้าเรียบร้อย ซันจิกับช็อปเปอร์ช่วยทุกคนออกมาได้ และเดินทางไปอัลบานา เว้นแต่ลูฟี่ที่อยู่สู้กับครอคโคไดล์ แต่พลังผลปีศาจมนุษย์ทรายของครอคโคไดล์ ทำให้หมัดปืนยางยืดของลูฟี่ไม่ได้ผล ลูฟี่แพ้และโดนพายุทะเลทรายซัดอีกรอบ จริงๆ ก็จะตายแหละ แต่ได้มิสออลซันเดย์ หรือ ‘นิโค โรบิน’ รองบอสของบารอคเวิร์คส์มาช่วยให้รอด

     ในอัลบานา วิวีเกือบจะไปขัดขวางกองทัพปฏิวัติได้สำเร็จ แต่เพราะบารอคเวิร์คส์มันคอยเสี้ยม สร้างสถานการณ์เก่งงงงตลอดเวลา เลยทำให้เกิดการจลาจลระหว่างกองทัพทหารอาณาจักรและกองทัพปฏิวัติขึ้นจริงๆ พวกโซโลก็ต้องปะทะกับเหล่าเอเยนต์อันดับต้นๆ ของบารอคเวิร์คส์ สู้กันดุเดือดเลือดสาดแถมปล่อยประโยคเท่ๆ กันเต็มหน้ากระดาษ (กดเลยเล่มที่ 21, 22) ส่วนลูฟี่รอดตายตามมาถึงอัลบานารู้วิธีซัดครอคโคไดล์ให้โดนแล้ว แต่สู้กับครอคโคไดล์อีกรอบก็แพ้อยู่ดี ครอคโคไดล์และโรบินให้พระราชาบอกทางไปหาโพเนกลีฟ (ศิลาที่บันทึกด้วยอักษรโบราณบันทึกประวัติศาสตร์เอาไว้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะอ่านออก) ซึ่งเชื่อว่าจะมีข้อมูลอาวุธลับบันทึกไว้ โรบินสามารถอ่านตัวอักษรนี้ได้ เธอเลือกที่จะโกหกและถูกครอคโคไดล์หักหลัง ลูฟี่ตามมาสู้เป็นรอบที่สาม ครั้งนี้ได้รับชัยชนะสักที และการจลาจลหยุดลง อาณาจักรก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

     หลังรักษาตัว พวกลูฟี่เตรียมออกเดินทางด่วนๆ และต้องรีบหนีจากทหารเรือที่มาประชิดเรือแมรี่แล้ว ทำให้ต้องบอกลาพวกพ้องคนสำคัญที่เป็นซีนน่าประทับใจอีกหนึ่ง (ฉากแห่งมิตรภาพนี้อยู่ที่เล่ม 23)

     พาร์ตอลาบาสต้ามีดีเทลให้ตามเก็บเยอะมาก ตั้งแต่พวกตัวละครอื่นๆ ที่จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญในเล่มหลัง ไปจนประเด็นที่ใส่เอาไว้ทั้งเรื่องมิตรภาพ การใช้อำนาจ และการปกครองของราชาในอาณาจักร พาให้นึกถึงบางประเทศที่ก็มีกษัตริย์ปกครอง แต่หลักการปกครองนี่ต่างลิบลับ เพราะราชาแห่งอาณาจักรอลาบาสต้าพูดเสมอว่า

     “บอกแล้วไม่ใช่รึว่าอาณาจักรก็คือประชาชน”

     (ใช่ เพราะฉะนั้นประเทศก็คือประชาชนโว้ย)

VOL. 24-32

สู่ความเวิ้งว้างบนเกาะแห่งท้องฟ้าอันไกลโพ้น

     หลังออกจากอลาบาสต้า และหนีกองทัพเรือได้สำเร็จ โรบินที่แอบขึ้นเรือมาก็ปรากฏตัว และนี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนขอเข้าร่วมทีมกับลูฟี่ก่อน แล้วไอ้ความไม่ได้คิดอะไรมากของลูฟี่ก็เลยมองว่าโรบินไม่ได้ร้ายอะไรหรอก ตอบตกลงรับเข้ามาโลด จากนั้นระหว่างเดินเรืออยู่ก็พบเรือลำใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า และล็อกโพสก็ดันชี้โด่ขึ้นไปบนฟ้าอีก คำตอบคือมันล็อกเข้ากับเกาะแห่งท้องฟ้าซะแล้ว กลิ่นอายการผจญภัยลอยอยู่ตรงหน้า มีหรือลูฟี่จะไม่ไป แต่มันจะไปยังไงล่ะ

     กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางเดินทางมาที่เกาะจายา เป็นเขตไร้กฎหมายอยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาลและกองทัพเรือ ชาวคณะส่งลูฟี่ โซโล และนามิมาเป็นตัวแทนถามหาหนทางการมุ่งสู่เกาะท้องฟ้า แต่กลับถูกผู้คนในเมืองหัวเราะเยาะใส่ เพราะมันเพ้อฝันเอามากๆ อีกทั้งยังเจอเข้ากับกลุ่มโจรสลัดของ ‘เบรามี’ (ค่าหัว 55 ล้านเบรี) ที่ตามมาหาเรื่องลูฟี่ 

     ครั้งนั้นลูฟี่กับโซโลไม่ตอบโต้ใดๆ เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องสู้ เลยกลับมาที่เรือด้วยสภาพสะบักสะบอม แถมไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม ยังดีที่โรบินซึ่งออกไปเดินเล่นได้เบาะแสเกี่ยวกับ ‘มองบลัง คริคเก็ต’ ลูกหลานของมองบลัง โนแลนด์ ผู้ถูกมองว่าโกหกเรื่องค้นพบเมืองขุมทอง คริคเก็ตเชื่อว่าเกาะแห่งท้องฟ้าและขุมทองของโนแลนด์มีจริง ซึ่งเขาก็ได้ช่วยเหลือและบอกวิธีไปถึงเกาะแห่งท้องฟ้ากับพวกลูฟี่

     เอาจริงๆ จะข้ามฉากนี้ก็ได้ แต่ว่าลูฟี่เท่มาก ขอเล่าต่อนิดนึง คือก่อนออกเดินทางเบรามีมาชิงระฆังทองของคริคเก็ตไป ลูฟี่ตามไปเอาคืน และสั่งสอนเบรามีจบในหมัดเดียว หรือแกจะหาว่าฉันไม่เฟี้ยวล่ะ ที่ยอมตอนนั้นเพราะเรื่องมันไร้สาระเฟ้ย (ตามไปดูความเท่ได้ในเล่ม 25)

     ระหว่างทางมุ่งหน้าสู่เกาะแห่งท้องฟ้า กลุ่มโจรสลัด ‘หนวดดำ’ (ทดไว้ในใจเลยมีบทบาทอีกมากในอนาคต) ก็ตามมาล่าฆ่าหัวลูฟี่ต่อ เพราะหลังกำจัดครอคโคไดล์ ค่าหัวของลูฟี่พุ่งเป็น 100 ล้านเบรี ส่วนโซโลได้ไป 60 ล้านเบรีแล้ว แต่ก็ไม่ทันการ เรือแมรี่บินลิ่วสู่เกาะแห่งท้องฟ้าซะก่อน บายยยย

     บนเกาะแห่งท้องฟ้า จะมีพื้นที่ห้ามเข้าคือ ‘อัปเปอร์ยาร์ด’ ดินแดนของเหล่าเทพ โดยมีเทพสูงสุด ‘เอเนลู’ ผู้กินผลปีศาจไฟฟ้าและเป็นผู้ปกครองเกาะท้องฟ้าอาศัยอยู่ เมื่อพวกลูฟี่ไปถึงเกาะก็ถูกแจ้งว่าเป็นอาชญากร เพราะไม่ได้จ่ายค่าเข้าอาณาจักร ถือเป็นการลอบเข้าผิดกฎหมาย จึงโดนตามล่า พร้อมกันนั้นเรือแมรี่ที่มีนามิ ช็อปเปอร์ โรบิน โซโลอยู่ก็ถูกลากไปยังแท่นบูชายัญตรงอัปเปอร์ยาร์ด เพื่อโดนเทพลงโทษ 

     พอเรือไปจอดที่แท่นบูชายัญ โซโล นามิ โรบินก็ออกไปสำรวจ ทิ้งช็อปเปอร์รออยู่ที่เรือ และมีผู้คุ้มกฎมาลงทัณฑ์พอดีจ้า ส่วนพวกลูฟี่ที่เหลือก็บุกเข้าอัปเปอร์ยาร์ดเพื่อช่วยพวกพ้อง ต้องปะทะกับเหล่าเทพคุ้มกฎที่พลังมากกว่าพอตัว กว่าจะเอาชนะมาได้ก็เกือบเละไปเหมือนกัน พอทั้งหมดรอดมาเจอกันที่เรือแมรี่ นามิก็บอกว่าที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของเกาะจายา ลอยตัวขึ้นมาจากด้านล่าง เรื่องขุมทองที่คริคเก็ตตามหาก็น่าจะมีอยู่จริง ภารกิจตามล่าหาขุมทองในเกาะแห่งท้องฟ้าจึงเริ่มต้น 

     แต่ทุกคนก็คลาดกันในอัปเปอร์ยาร์ด แยกย้ายไปคนละทิศละทาง และต้องเผชิญการต่อสู้กับเหล่าผู้คุ้มกฎ พร้อมๆ เจอการบุกของเหล่า ‘นักรบแชนเดียร์’ ที่ต้องการโค่นล้มพวกเทพ และเอเนลู เพื่อกอบกู้แผ่นดินบรรพบุรุษแชนโดรา (อยู่ในอัปเปอร์ยาร์ด) ของพวกเขากลับคืน 

     ส่วนเอเนลูต้องการให้ท้องฟ้าเป็นอาณาจักรของเทพเท่านั้น จึงวางแผนมานานแล้วว่าจะใช้เรือลอยฟ้าออกตามหาแฟรี่วาซ (ดินแดนโลกแห่งความฝัน) และทำลายเกาะแห่งท้องฟ้า ฆ่ามนุษย์ทิ้ง ให้ทุกอย่างลงสู่ทะเลให้หมด ผู้คนบนเกาะท้องฟ้าเริ่มอพยพ และการต่อสู้บีบคั้นยิ่งขึ้น แต่เหล่านักรบ รวมถึงพวกลูฟี่ที่หันมาสู้กับเอเนลูก็เริ่มต้านพลังสายฟ้าไม่ไหวแล้ว ความหวังหนึ่งเดียวในการจัดการเอเนลูจึงไม่ใช่ใคร…

     “แกทำอะไรกับพวกพ้องของฉัน!!!!” ลูฟี่ผู้นี้นี่เอง

     โชคดีที่ไฟฟ้าของเอเนลูไม่มีผลกับมนุษย์ยางอย่างลูฟี่นัก แต่ลูฟี่ก็พลาดท่าอยู่ดี เอเนลูจึงไปตามหาระฆังทองจนเจอ และจะนำไปด้วย ซึ่งระฆังนี้เป็นของบรรพบุรุษนักรบแชนเดียร์ และมีความหลังกับเรื่องราวของโนแลนด์ ลูฟี่จึงตั้งมั่นแล้วว่าจะตีระฆังให้ดัง เพื่อส่งเสียงไปถึงคริคเก็ตในทะเลสีฟ้าให้เขาได้รับรู้ว่า ขุมทองมีอยู่จริง และโนแลนด์ไม่ได้โกหก

     เอเนลูสร้างบอลสายฟ้าเพื่อจะปิดฉากเกาะแห่งท้องฟ้า แต่ลูฟี่ก็ทำลายและอัดเอเนลูได้ทันเวลา (ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นเทพ!) เรื่องราวจบลงแฮปปี้ ทุกคนวางอาวุธแล้วจัดงานเลี้ยงยกใหญ่ จบงานเลี้ยงพวกลูฟี่ก็แอบไปขนสมบัติของเมืองแชนโดรา คนมันจะรวยอะไรก็ช่วยไม่ได้เนอะ

     เป็นอีกพาร์ตที่สู้เหนื่อยมาก เพราะพลังของเอเนลูเก่งเหลือเกิน ในเวลาที่เหมือนจะชนะ เอเนลูก็อัพสกิลทุกที (เน้นสู้สุดๆ เจอได้เล่มที่ 30-32)

     อีกสิ่งที่สำคัญในเกาะแห่งท้องฟ้าคือ เมืองแชนโดรามีโพเนกลีฟที่บรรพบุรุษรักษามายาวนานหลายร้อยปีอยู่ด้วย และมีข้อความจากเจ้าแห่งโจรสลัดทิ้งไว้

     “ฉันจะอยู่ที่นี่ จะนำพาประโยคนี้ไปยังสุดขอบโลก โจรสลัด โกลด์ ดี. โรเจอร์”

     กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางก็ออกเดินทางจากท้องฟ้ากลับสู่ท้องทะเล ด้วยความที่สภาพเรือแมรี่หนักเอาการ ผ่านสมรภูมิมาเยอะมาก ในทีมจึงตั้งใจว่าจะซ่อมเรือครั้งใหญ่และหาช่างต่อเรือมาเป็นพวก ระหว่างทางนั้นก็เทียบท่าที่เกาะประหลาด สารพัดสิ่งที่อยู่บนเกาะจะยาวไปหมด ก่อนจะปิดท้ายให้ติดตามต่อเล่นๆ ว่าพวกลูฟี่เจอกลุ่มโจรสลัด ‘ฟ็อกซี่’ ซึ่งมาขอท้าสู้ แต่การเดิมพันครั้งนี้คือถ้าใครแพ้ ต้องสูญเสียเพื่อนไปนะเฟ้ย

     นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวจาก 32 เล่มเท่านั้น แน่นอนว่ามีรายละเอียดยิบย่อยให้ได้ตามเก็บกันอีก ทั้งเบื้องหลังชีวิตของแต่ละตัวละครที่จะทำให้เราค่อยๆ อินในความรักพวกพ้อง ความมุ่งมั่น ไปจนความตลกโปกฮา สารพัดความเซ่อซ่าให้ได้ขำ รวมถึงประเด็นเล็กๆ ที่เป็นจุดเชื่อมเรื่องราวต่อไปในเล่มหน้าๆ ด้วย เพราะงั้นถ้าใครอ่านถึงตรงนี้ จะไปเก็บรายละเอียดในเล่ม 1-32 ต่อก็ได้ หรือลุย 33-98 เลยก็ดี

     สำหรับเรา คงขอลุยอ่านต่ออีกสักรอบ เพราะหลังจากกลับมาย้อนอ่านรอบนี้ ยิ่งรู้สึกว่า วันพีซ ไม่ใช่แค่การ์ตูนอ่านเพลิน อ่านสนุก อินในมิตรภาพอย่างเดียว แต่ยังหยิบประเด็นสังคม และอำนาจทางการเมืองมาใส่ไว้ด้วย 

     ที่สำคัญ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกถึงความคล้ายกับประเทศที่อยู่ตอนนี้เหลือเกิน เหมือนตรงไหนบ้างเอาปากกามาวง (เต็มหน้า)