Thu 09 Mar 2023

THE BANSHEES OF INISHERIN

ว่าด้วยการเขียนสคริปต์ที่ไม่ได้ร่างเค้าโครงก่อนจะเขียนของ ‘มาร์ติน แม็คโดนาห์’

ภาพ: ms.midsummer

     รายการ THR Roundtable ของ The Hollywood Reporter คือรายการที่เชิญคนทำงานภาพยนตร์ในสายงานต่างๆ ทั้งนักแสดง ผู้กำกับ และคนเขียนบทที่มีผลงานโดดเด่นน่าจับตาในแต่ละปีมานั่งพูดคุยกัน ซึ่งในเทปของคนเขียนบทประจำปีนี้ ตัวอย่างรายชื่อที่ THR เชิญมา ได้แก่ จอร์แดน พีล (Nope), โทนี คุชเนอร์ (The Fabelmans), ไรอัน จอห์นสัน (Glass Onion: A Knives Out Mystery), และ มาร์ติน แมคโดนาห์ (Martin McDonagh) ผู้กำกับและนักเขียนบทเชื้อสายไอริชที่เกิดและเติบโตในอังกฤษ ซึ่งมีผลงานล่าสุดอย่าง The Banshees of Inisherin

     ประเด็นน่าสนใจในรายการเกิดขึ้นเมื่อแมคโดนาห์เปิดเผยเรื่องที่ทำให้คนอื่นๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยประหลาดใจไม่น้อย 

     เขาบอกว่าในขั้นตอนการเขียนสคริปต์หนังเรื่องนี้ เขาเขียนโดยที่ไม่ได้ร่างหรือกำหนดเค้าโครงเรื่อง (Outline) ไว้ก่อนแต่อย่างใด ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่แค่หนังเรื่องล่าสุดเท่านั้น แต่กับการทำงานในผลงานก่อนๆ อย่าง In Bruges (2008), Seven Psychopaths (2012) และ Three Billboards Outside Ebbing, Missouri (2017) แมคโดนาห์ก็ไม่เคยวางเค้าโครงเรื่องคร่าวๆ ไว้ก่อนจะเริ่มต้นเขียนเช่นเดียวกัน 

     การเขียนเอาต์ไลน์คือวิธีการที่นักเขียนบทมักใช้กันในช่วงก่อนเริ่มเขียนสคริปต์ เพื่อกำหนดว่าในแต่ละองค์ของหนังจะมีซีนใดเกิดขึ้นบ้าง และแต่ละซีนนั้นจะเกิดขึ้นที่ไหนอย่างไร นักเขียนบทบางคนจะระบุยิบย่อยลงไปกระทั่งว่าแต่ละซีนจะใช้พื้นที่กี่หน้า (โดยทั่วไปแล้ว 1 หน้าในสคริปต์จะเท่ากับ 1 นาทีในหนัง) คล้ายเป็นการกำหนดเส้นทางก่อนการทำงานเขียน เพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด รวมถึงเพื่อเป็นแกนไม่ให้ตัวละครและเรื่องราวโกลาหลใหญ่โตเกินกว่าจะควบคุม หรือหลงทางเข้ารกเข้าพงจนยากที่จะเขียนต่อให้จบได้

     แล้วเหตุใดแมคโดนาห์จึงไม่สนใจวิธีการดังกล่าว 

     คำตอบก็คือ เพราะเขาคิดว่าวิธีการแบบนั้นมันน่าเบื่อ 

     การเขียนไปโดยที่รู้ทั้งหมดแล้วว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหน การโยนสถานการณ์ให้ตัวละครสักตัวแล้วรอดูว่าตัวละครตัวนั้นจะรับมือหรือมีปฏิกิริยาอย่างไรน่าสนใจกว่าสำหรับเขา

     The Banshees of Inisherin เป็นเรื่องราวของคอล์มกับพาด์ริค นักไวโอลินกับคนเลี้ยงสัตว์บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่งของไอร์แลนด์ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน ช่วงบ่ายของทุกวัน หลังเสร็จจากการเลี้ยงแพะเลี้ยงวัว พาด์ริคจะมาเคาะประตูชวนคอล์มออกไปสังสรรค์กินเบียร์ที่ผับ แต่อยู่มาวันหนึ่งคอล์มก็ดันไม่อยากทำอย่างนั้นอีกต่อไป เขาไม่อยากพูดคุยหรือแม้แต่จะพบหน้าพาด์ริคอีกแล้ว

     “ฉันก็แค่ไม่ได้ชอบนายแล้ว” คอล์มว่า

     “แต่เมื่อวานนายยังชอบฉันอยู่เลย” พาด์ริคสงสัย

     ทำไมเพื่อนสองคนถึงเลิกคบกัน เหตุใดคนคนหนึ่งจึงเลือกสิ้นสุดความสัมพันธ์กับอีกคน 

     นี่เป็นคำถามที่แมคโดนาห์สนใจมาตลอด จนตัดสินใจหยิบเอามาสร้างเป็นตัวละครคอล์มกับพาด์ริคเพื่อสำรวจประเด็นนี้อย่างลงลึก

     “บางครั้งมันแย่ยิ่งกว่าการเลิกกันของคู่รักอีกนะ” แมคโดนาห์พูดถึงไอเดียตั้งต้นของหนัง “คุณสามารถทำใจหรือยอมรับการเลิกกันแบบคู่รักได้ และคุณก็สามารถทำความเข้าใจได้ว่าทำไมบางคนถึงไม่อยากจะร่วมชายคาเดียวกันกับคุณ แต่มิตรภาพระหว่างเพื่อนเป็นเรื่องยากกว่านั้นมาก มันแตะลงไปที่แก่นว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนยังไง ตอนที่พวกเขาตัดสินใจเลิกคบคุณ แล้วคุณเป็นยังไงหลังจากนั้น คุณมองเห็นตัวเองแบบไหน นั่นเป็นหนึ่งในเรื่องน่าสนใจที่เราลงไปสำรวจ”

     ตัวละครของแมคโดนาห์ได้แบ่งความเห็นของผู้ชมออกเป็นสองฝั่ง บางคนเห็นว่าคอล์มใจร้ายเกินไปที่ตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนอย่างไร้เยื่อใย ขณะที่บางคนมองว่าถ้าตนเป็นคอล์มก็อาจทำแบบเดียวกัน เพราะพาด์ริคนั้นน่ารำคาญและนิสัยไม่ค่อยน่าคบหาเท่าไรจริงๆ 

     แมคโดนาห์เขียนตัวละครคอล์มกับพาด์ริคขึ้นมาสำหรับนักแสดงอย่าง เบรนแดน กลีสัน (Brendan Gleeson) กับ โคลิน ฟาร์เรลล์ (Colin Farrell) โดยเฉพาะ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสามคนเคยร่วมงานกันมาแล้วใน In Bruges และจากกระแสตอบรับของหนังที่เป็นไปในแง่บวก รวมถึงประสบการณ์การทำงานร่วมกันในกองถ่ายที่น่าประทับใจ ทำให้ทั้งกลีสันและฟาร์เรลล์ต่างเปรยๆ ไว้ว่าอยากกลับมาร่วมงานกับแมคโดนาห์อีกครั้ง

     ทว่าหลังจากแมคโดนาห์เขียนสคริปต์ดราฟต์แรกเสร็จสิ้นและส่งให้นักแสดงทั้งสองคนอ่าน แม้ทั้งคู่จะตอบตกลงแล้ว แต่เป็นตัวคนเขียนอย่างแมคโดนาห์เองที่ยังไม่ค่อยพอใจกับมันเท่าไรนัก 

     อาจกล่าวได้ว่าวิธีการทำงานของแมคโดนาห์นั้นเป็นเหมือนดาบสองคม เขารู้สึกว่าซีนเปิดเรื่องที่ตัวเองเขียนไว้ใน 5 หน้าแรกนั้นดีมาก (ฉากเปิดเรื่องที่พาด์ริคชวนคอล์มไปที่ผับ แต่คอล์มทำเป็นไม่สนใจ) แต่เรื่องราวที่ตามมาหลังจากนั้นยังดีไม่พอ เต็มไปด้วยพล็อตที่ย่ำแย่ การเขียนไปโดยไม่ได้กำหนดเค้าโครงเรื่องเอาไว้ก่อน พาให้เขาออกห่างจากน้ำเสียงที่ตั้งใจไว้แต่แรก

     กระนั้นแมคโดนาห์ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนวิธีการทำงาน เขาเก็บ 5 หน้าแรกของสคริปต์ซึ่งเขาพึงพอใจเอาไว้ แล้วเริ่มเขียนใหม่ทั้งหมด

     “มันคือการขุดสำรวจลงไปในรายละเอียดของ 5 หน้าแรก ขุดให้ลึกลงไปที่การเลิกคบกัน ดังนั้นตอนที่ผมจรดปากกาลงกระดาษ ผมจึงเปิดรับไอเดียที่ว่าจะกำจัดพล็อตออกไปให้หมด แล้วไปโฟกัสที่ความเจ็บปวดในการเลิกคบกันจริงๆ และบอกตามตรง หลังจากนั้นการเขียนสคริปต์ก็เป็นไปของมันเองภายในสามหรือสี่สัปดาห์เท่านั้น”

     ความเหนือชั้นของ The Banshees of Inisherin ก็คือ เราจะมองมันเป็นหนังบอกเล่าเรื่องราวการตัดความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนก็ได้ หรือจะมองในฐานะหนังแบบ Character Study ก็ได้ (เช่น สัตว์เลี้ยงของตัวละครอาจบ่งบอกลักษณะนิสัยของตัวละครได้กลายๆ พาด์ริคเลี้ยงลาซึ่งมีภาพจำว่าเป็นสัตว์ที่เชื่องช้าเอื่อยเฉื่อย ส่วนคอล์มเลี้ยงสุนัขพันธุ์บอร์เดอร์ คอลลี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์เฉลียวฉลาดที่สุดในโลก) หรือจะตีความจากฉากหลังของเรื่องที่มีสงครามกลางเมืองบนแผ่นดินใหญ่ของไอร์แลนด์ ว่าแท้ที่จริงหนังกำลังสะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งบาดหมางระหว่างพวกพ้องเดียวกันสามารถลุกลามบานปลายใหญ่โตได้มากเพียงใด—ก็ได้อีกเช่นเดียวกัน 

     ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแมคโดนาห์เขียนตัวละครอย่างละเอียดและประณีตที่สุด เพราะเมื่อตัวละครบนหน้ากระดาษมีชีวิตขึ้นมาเมื่อไหร่ จากจุดนั้นเรื่องราวก็จะตามมาเอง

     “ผมไม่เคยวางพล็อตก่อน ไม่เคยเขียนทรีตเมนต์ก่อน ผมปล่อยให้ตัวละครได้พูดโต้ตอบกันเองเสมอ ในช่วงวันแรกๆ ผมมักจะนึกภาพอากัปกิริยาของตัวละคร น้ำเสียง ลักษณะเฉพาะตัวหรืออะไรแบบนั้น ผมปล่อยให้พวกเขาพูดกันเองและเริ่มแสดงพฤติกรรมออกมา เรียกได้ว่าพวกตัวละครแทบจะเขียนตัวเองขึ้นมา และผมก็เขียนเรื่องราวขึ้นจากตัวละครเหล่านั้น”

     ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเรื่องราวจะเดินไปสู่จุดไหน และไม่อาจคาดเดาได้ว่าตอนจบของเรื่องจะเป็นอย่างไร คือความสนุกในการทำงานของแมคโดนาห์ 

     ตอนเขียน Three Billboards Outside Ebbing, Missouri เขาก็ไม่ได้แพลนไว้ว่าจะมีความตายของตัวละครหลักตัวหนึ่งเกิดขึ้นแบบสุดช็อกในช่วงกลางเรื่อง แต่หลังจากเขียนไปได้สักพัก เขาก็ตัดสินใจจบชะตากรรมของตัวละครตัวนั้น

     ใน The Banshees of Inisherin ก็เช่นกัน หลังจากเขียนไปได้ประมาณ 30 หน้า เขาคิดเอาไว้ว่าเมื่อพาด์ริคตามตื๊อคอล์มไปถึงจุดหนึ่ง คอล์มต้องพูดอะไรสักอย่างที่เป็นเหมือนการยื่นคำขาด เพื่อให้พาด์ริครู้ว่าเขาตั้งใจจะเลิกคบหาด้วยจริงๆ แต่แมคโดนาห์ก็คิดไม่ออกว่าคอล์มจะพูดอะไร จนกระทั่งเมื่อเขียนไปจนถึงซีนนี้ ไดอะล็อกที่ว่าก็ผุดโผล่ขึ้นมาเอง (ไดอะล็อกนี้อยู่ในตัวอย่างหนัง)

     “หลังจากนี้ถ้านายมากวนใจฉันอีก ฉันจะเอากรรไกรตัดนิ้วของฉันออกนิ้วหนึ่งแล้วเอาให้นาย นิ้วจากมือข้างซ้ายที่ฉันใช้สีไวโอลินนี่แหละ แล้วหลังจากนั้น ถ้านายยังไม่เลิกยุ่งกับฉันอีก ฉันจะตัดนิ้วให้นายอีกจนกว่านายจะเข้าใจได้ว่าควรเลิกยุ่งกับฉัน หรือจนกว่านิ้วฉันจะไม่เหลืออีก นายเข้าใจชัดพอหรือยัง”

     นี่เป็นไดอะล็อกที่สมเหตุสมผลกับตัวละคร และช่วยเซ็ตโทนของเรื่องราวให้ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะแทนที่จะเป็นคำขู่ที่มุ่งหมายอาฆาตคนอื่น ศิลปินอย่างคอล์มเลือกที่จะขู่ทำร้ายตัวเองมากกว่า โดยเฉพาะการทำลายสิ่งที่จำเป็นต่อการสร้างสรรค์ผลงานของเขา 

     แมคโดนาห์ชื่นชอบไอเดียนี้มาก เพราะถ้าเราที่เป็นคนเขียนไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฝั่งคนดูเองก็จะเดาทางไม่ถูกเหมือนกัน และสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด ถ้าหากเขาร่างเค้าโครงของเรื่องเอาไว้แต่แรก 

     อย่างไรก็ตาม แมคโดนาห์ยอมรับว่าการเขียนสคริปต์โดยไม่ได้ร่างเค้าโครงไว้ก่อนเป็นเรื่องยากสำหรับเขาไม่น้อย 

     “คุณต้องเผชิญหน้ากับหน้ากระดาษว่างเปล่าวันแล้ววันเล่า มันไม่เคยเป็นเรื่องง่ายขึ้นเลย มันยากเสมอ ถึงแม้อายุจะเริ่มเข้าในวัยผมก็ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย (ปัจจุบันเขาอายุ 53)

     “แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะสามารถค้นหาความสุขจากมันได้ เมื่อคุณพบเจอจุดที่คุณจะสนุกกับกระบวนการทำงานได้ มันก็ไม่ยากขนาดนั้นนะ”

     หมายเหตุ: ท่อนที่บอกว่าจรดปากกาลงกระดาษ แมคโดนาห์ไม่ได้พูดเปรียบเปรย แต่เขายังคงเขียนสคริปต์ด้วยปากกาอยู่จริงๆ

อ้างอิง:

youtube.com/watch?v=hs0d7yl2ANc
collider.com/banshees-of-inisherin-colin-farrell-brendan-gleeson-martin-mcdonagh-interview/
theplaylist.net/the-banshees-of-inisherin-martin-mcdonagh-interview-20221019/
theguardian.com/culture/2022/oct/02/martin-mcdonagh-banshees-of-inisherin-interview
moviemaker.com/martin-mcdonagh-three-billboards-outside-ebbing-missouri-screenwriting/
decider.com/2022/12/14/banshees-of-inisherin-explained-meaning-ending-fingers/
indiewire.com/2022/10/martin-mcdonagh-interview-the-banshees-of-inisherin-1234774137/
irishmirror.ie/showbiz/irish-showbiz/martin-mcdonagh-says-wrote-banshees-28279804
en.wikipedia.org/wiki/Martin_McDonagh