Wed 18 May 2022

MY THAI DIARY

บันทึกบทสนทนาของคอนต์กับเจ้าของเพจ ‘บันทึกภาษาไทยของผม’ ถึงภาษา คน การเดินทาง และอีกหลายอย่างที่ได้เจอในไทย

     เช้าวันนี้ตื่นเร็วกว่าที่เคย เพราะต้องพาตัวเองไปอีกฟากของที่พักอาศัย แน่ล่ะ การเดินทางในมหานครแห่งนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเผื่อเวลามหาศาล

     ฉันปลุกใจให้ตัวเองหนึ่งทีว่า ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดี ก่อนเดินออกจากบ้านมาใช้ขนส่งสาธารณะสามต่อเพื่อไปยังจุดหมาย ซึ่งก็คือห้องสมุด ไม่สิ คาเฟ่ชื่อว่า ไล-บรา-รี่ อ้อ เกือบลืมจดไป วันนี้มีนัดพูดคุยกับชาวญี่ปุ่นคนนึง พูดแบบนี้ไอ้เราก็ดูเท่เลยนะเนี่ย ต้องโอฮาโยโกไซมัสรัวๆ แน่ แต่เปล่าเลย ฉันพูดญี่ปุ่นไม่ได้ ฟังไม่ออก และฉันจะคุยกับเขาเป็นภาษาไทย เพราะชาวญี่ปุ่นคนนี้พูดไทยได้ ฟังออก แถมยังเขียนได้อีก 

     เขาชื่อ ‘โทะโมะยะ อิซากะ’ เจ้าของเพจ ‘บันทึกภาษาไทยของผม’ บันทึกลายมือตัวอักษรไทยที่มาพร้อมเรื่องเล่าเกี่ยวกับประเทศไทยที่เขาได้เจอ ตั้งแต่อาหาร หมาหน้าเซเว่นฯ คนไทย วินมอเตอร์ไซค์ ไปจนลอตเตอรี่! 

     หากเป็นแค่คนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาไทยแล้วเขียนบันทึกก็ดูไม่แปลกอะไร แต่เขาคนนี้ติดอกติดใจถึงกับเก็บผ้าเก็บผ่อนย้ายมาอยู่ประเทศไทย (ในยามที่ฉันและหลายคนนั้นนนน…) เพื่อทำงานที่นี่ และไม่นานมานี้ก็เพิ่งออกหนังสือเล่าเรื่องถึงเมืองไทย เขียน และตีพิมพ์ด้วยภาษาไทยในชื่อเดียวกับเพจอีก

     ก็เพราะแบบนี้แหละ ฉันจึงนัดเขามาพูดคุยสักหน่อยว่า หลังได้เรียนภาษาไทย เจอคนไทย และเดินทางมาใช้ชีวิตที่นี่แล้วเป็นยังไงบ้าง 

     นั่งรออยู่ในร้านไม่นาน อิซากะในเสื้อยืดสกรีนลายหมูกระทะน่ารัก ที่มีคำว่า อยากกินหมูกระทะกะเธอ ก็เดินเข้ามาพอดี ได้เวลาพูดคุยแล้วสิ ฉันขอจบบันทึกของตัวเองเพียงเท่านี้ เชิญทุกคนพลิกอ่านบันทึกชีวิตที่อิซากะพยายามเล่ากับเราด้วยภาษาไทยต่อได้เลย

หน้า 1
บันทึก: เราเจอกันครั้งแรก

     อิซากะรู้จักประเทศไทยครั้งแรกสมัยเรียนมหา’ลัยเมื่อเก้าปีก่อน จากคนไทยที่ไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น เขาเห็นว่าเธอน่ารักมากๆ อยากคุย อยากเป็นเพื่อนด้วย พอได้สนิทกันก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขาอยากรู้จัก อยากเรียนภาษาไทยขึ้นมา คนไทยคนนั้นก็คือ ‘บีม’ เจ้าของเพจและแชนแนลเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น BeamSensei นี่เอง 

     “ที่ญี่ปุ่นมักจะแนะนำเมืองไทยว่าเป็นเมืองยิ้ม ผมก็คิดว่าคนไทยชอบดูละครตลก ชอบเรื่องตลก แต่จริงๆ แล้วคือไม่ใช่นะ ยิ้มคือการยิ้มสวยๆ ไม่ใช่ขำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วพอได้รู้จักพี่บีมก็เป็นคนที่น่ารักมากๆ อยากเป็นเพื่อนกับพี่บีม ตอนนั้นก็ไม่กลัวเลย แล้วเพื่อนคนไทยของพี่บีมก็นิสัยดี สว่างๆ (CONT.: “สาวหวานเหรอคะ”) สว่างๆ อ๋อ สว่างสดใสครับ อีกอย่างคนไทยสนิทกันเร็วมาก ง่ายมาก พอพี่บีมพาผมไปกินอาหารไทยกับคนไทยหลายคน เขาคุยภาษาไทย ผมเห็นก็อยากเรียนบ้าง”

     ช่วงแรกที่เรียนภาษาไทย อิซากะเล่าว่า เขาเริ่มต้นจากบทสนทนา โดยเรียนพูดจากตัวอักษรภาษาอังกฤษก่อน หลังจากนั้น 1-2 ปี ก็เริ่มเรียนตัวอักษรมาเรื่อยๆ ด้วยหลายๆ อย่างทำให้เขาหมดแพสชั่นไปบ้าง เรียนๆ เลิกๆ บ้าง จนการได้มาเที่ยวไทยบ่อยๆ ได้เห็นภาษาไทยแท้ๆ ที่ทำให้เขาเป็นต้องร้องว่า “โหย ภาษาไทยน่ารัก” ยิ่งคำไหนอ่านได้หรือได้ลองพูดก็ยิ่งทำให้เขาดีใจ และกลับไปเรียนภาษาไทยจริงๆ จังๆ อีกครั้ง แต่กลัวว่าจะลืม ก็เลยลงมือเขียนบันทึก และเปิดเพจ ‘บันทึกภาษาไทยของผม’ เพื่อฝึกเขียนภาษาไทยและจุดไฟในใจไปพร้อมกันเลย 

     หลังฝึกฝีไม้ลายมือ และเทียวไล้เทียวขื่อมาเที่ยวไทยอยู่บ่อยๆ เมื่อปลายปี 2020 อิซากะก็โยกย้ายมาอยู่ไทย ทำงานเกี่ยวกับการสอนภาษาญี่ปุ่น แต่เขาก็ไม่ทิ้งวิชาการเรียนภาษาไทย ช่วงวันหยุดก็เข้าคลาสเรียนกับติวเตอร์ และฝึกด้วยตัวเอง เพื่อสร้างบทสนทนาที่แข็งแรง และสะสมคำศัพท์ใหม่ๆ เพิ่มเติม

หลังเจอคำว่า ‘ได้อยู่’ ในบันทึก ช่วงนี้ได้เจอคำแปลกๆ อีกไหม

     คำว่า ‘คิมิโนะโตะ’ (หัวเราะ) ทุกคนคิดว่ามันแปลว่า ‘น่ารัก’ ในภาษาญี่ปุ่นใช่มั้ย แต่ถ้าพูดคิมิโนะโตะในภาษาญี่ปุ่น ผมไม่เข้าใจความหมายนะ (คิมิ แปลว่า เธอ, โนะ แปลว่า ของ) แต่ถ้าเป็น คิมิโนะโทริโกะ (แปลว่า หลงเสน่ห์ของเธอ) จะเข้าใจ คิมิโนะโตะเท่านั้นไม่มีความหมาย คนไทยก็คิดเก่งมากเลย ผมไปเห็นคอมเมนต์จากคนญี่ปุ่นในทวิตเตอร์เขาก็จะรู้สึกแปลกมาก บอกว่าคนไทยคิดน่ารัก

คำไหนในภาษาไทยอ่านยากที่สุด

     คำศัพท์ที่มีพยัญชนะต่อเนื่อง ติดกัน เช่น ธรรมชาติ ธ.ธง ร.เรือ ร.เรือ ม.ม้า อ่านยากนะครับ ตัวดับเบิล ไม่มีสระ อ่านยาก งงมากๆ ครับ ถ้าเป็นคำศัพท์ที่ผมเคยเรียนก็อาจจะอ่านได้ แต่ว่าถ้าเจอครั้งแรกจะอ่านไม่ออก ผมจะงงตลอดว่าคำนี้อ่านยังไง ปกติเวลาเจอคำที่สงสัยผมจะเปิดพจนานุกรมเพื่อฟังเสียงว่ามันอ่านอย่างนี้เหรอ แต่ว่าบางคำก็ไม่มีในพจนานุกรม (หัวเราะ)

แล้วคำไหนอ่านง่ายสุด

     ง่ายสุดเหรอครับ… ไม่มีครับ (หัวเราะ)

คำหรือประโยคภาษาไทยที่ชอบล่ะ

     ‘เก่งได้เพราะใจรัก’ เป็นหัวข้อในการเริ่มต้นบันทึกของผม ซึ่งเป็นสำนวนในภาษาญี่ปุ่นนะครับ แต่ผมแปลมาเป็นภาษาไทยเพื่อปลุกใจตัวเอง 

คำที่รู้แล้วตกใจมาก

     ไม่ใช่ตกใจ แต่ผมรู้สึกว่าน่ารักมากก็คือ ‘ทางม้าลาย’ ทางคือถนนใช่มั้ยครับ ม้าลายคือม้ามีสีขาวกับสีดำ โอ้โหๆ เป็นคำที่เข้าใจง่ายมาก เด็กๆ ก็เข้าใจได้ 

คิดว่าเสน่ห์ของภาษาไทยอยู่ที่ตรงไหน

     ผมคิดว่าภาษาไทยคิดคำศัพท์ง่าย อย่างที่บอกเมื่อกี้คำว่า ‘ทางม้าลาย’ คำศัพท์กับคำศัพท์ติดกัน แล้วก็มีความหมายใหม่ ผมว่าดีนะ มันสนุกมาก ถ้าไม่รู้จักคำศัพท์นั้นก็อาจจะเดาได้ ภาษาไทยบางคำมีรายละเอียดมากกว่าภาษาญี่ปุ่น อย่างคำว่า ‘จบ’ ‘เสร็จ’ และ ‘เลิก’ ภาษาญี่ปุ่นมีคำเดียว แต่ภาษาไทยแยกเป็นหลายคำเลยครับ 

ฟัง พูด อ่าน เขียน คุณชอบอะไรมากกว่า 

     พูดนะครับ แต่ก็มีปัญหาคือออกเสียงยากมาก แล้วก็พูดไม่ทัน ผมเลยเข้าร่วมสนทนากับคนไทยยากครับ ยังไม่สามารถสนทนากับคนไทยได้มาก คิดไม่ทัน พูดไม่ทัน กำลังจะพูด เขาก็เปลี่ยนเรื่องไปแล้ว (หัวเราะ) แล้วผมก็ชอบเขียน ชอบอ่านหนังสือ อ่านความบทในอินเทอร์เน็ตครับ (คุณบีม: “บทความ”) เอ๋ บทความครับ บทความด้วย (หัวเราะ)

หน้า 2
บันทึก: เราเจอกันบ่อยๆ 

     หากได้เข้าไปอ่านบันทึกลายมือในเพจ จะพบว่าเรื่องราวที่อิซากะบันทึกนั้นแสนธรรมดา อาหาร ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว ไปจนการเดินทาง อาจเคยเกิดขึ้นและดูเป็นปกติสำหรับคนไทยอย่างเราๆ แต่กับชาวญี่ปุ่นผู้สวมแว่นคนต่างถิ่นนั้นกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ตกใจต่อสิ่งที่ได้กินและพบเจอเสมอ แม้จะย้ายมาอยู่สักพัก ก็ยังค้นพบเรื่องราวใหม่ๆ อยู่เรื่อย มีอะไรให้บันทึกไม่ขาดเลย เราจึงอยากรู้ว่าชีวิตของเขาที่นี่ ต้องปรับตัวยังไงบ้าง อะไรกันนะที่ทำให้เขาตัดสินใจย้ายมาอยู่ พร้อมแง้มดูมุมมองของเขากับสารพัดสิ่งที่ได้เจอในไทยสักหน่อย

อะไรที่ทำให้ย้ายมาอยู่ไทย

     ก็มีหลายสิ่งมากๆ นะ ชอบอาหารไทย ชอบพี่บีมมากๆ (หัวเราะ)

พอย้ายมาใช้ชีวิตที่นี่ อิซากะปรับตัวยากไหม

     นานมั้ย ยากมั้ย อืมมมมมมม จริงๆ ตอนนี้ผมเริ่มปรับตัวดีแล้วเลยคิดว่าไม่ยากขนาดนั้นครับ แต่ก็มีหลายอย่างที่ต่างกับญี่ปุ่นสิ้นเชิงครับ โดยเฉพาะเกี่ยวกับขยะ ฟุตพาท ถนน 

     ที่ญี่ปุ่นทิ้งขยะแยกกัน มีรายละเอียด แต่ว่าที่ไทยทิ้งรวมได้ ไม่ค่อยจริงจังเท่าญี่ปุ่น (หัวเราะ) จริงๆ แล้วน่าจะไม่ได้ น่าจะแยกกันนะ อย่างขยะสดกับขยะพลาสติก

แล้วอย่างฟุตพาทล่ะ

     ฟุตพาทเป็น… อืม ขระขรุ (CONT.: “ขรุขระ”) ฮ่าๆ ขรุขระๆ เดินยากครับ จริงๆ ตอนอยู่ญี่ปุ่นผมชอบเดินเล่น ไม่ใช่เดินในสวนสาธารณะนะครับ เป็นเดินเล่นทั่วไป เดินเล่นผ่านถนน แต่ว่าที่ไทยอันนี้ยากมากครับ (หัวเราะ) ฟุตพาทขรุขระๆๆๆ แล้วก็บางที่มีมอ’ไซค์เร็วมากด้วย ที่ญี่ปุ่นไม่มีมอ’ไซค์ขี่บนฟุตพาทครับ ผิดกฎหมาย

พอพูดถึงมอ’ไซค์แล้ว เรื่องการใช้ขนส่งสาธารณะก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่อิซากะเล่าถึงบ่อยๆ อย่างเหตุการณ์ในบันทึกตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง

     คนไทยเชื่อใจกันขนาดนี้เลยเหรอ ตอนพี่บีมบอกว่านับเงินสิ ผมก็แบบหูย ทำไมอะ ผมเป็นผู้โดยสาร ผมเป็นลูกค้า ไม่ใช่พนักงานรถตู้นะ (หัวเราะ) แต่ก็นับเงินไปอยู่ดีครับ ถ้าไม่ครบผมจะทำไงดี ผมสงสัยมากครับ

นอกจากรถตู้ อิซากะเคยใช้ขนส่งสาธารณะอื่นๆ อีกบ้างไหม

     รถเมล์ มอ’ไซค์วิน ซูบารุ (รถสองแถวเล็ก หรือรถกะป๊อ) เรือ รถไฟฟ้าใต้ดิน สองแถว ตุ๊กตุ๊ก นั่งมาเกือบหมดแล้ว 

ตื่นเต้นไหมกับการเดินทางแบบไทยๆ

     ตื่นเต้นมากครับ อย่างรถเมล์ธรรมดาไม่มีหน้าต่างปิดเลย รู้สึกได้ลมธรรมชาติๆ และมีพัดลม สบายดีมากครับ ผมเคยขึ้นรถเมล์สาย 8 ผมได้ยินว่ามันเร็ว มันอันตรายมาก แต่ว่าตอนที่ผมขึ้นก็ไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ครับ ตอนขึ้นสองแถวแล้วอยู่ข้างหลังสุด อันนี้อันตรายกว่าครับ

ถ้าต้องเลือกใช้บริการได้หนึ่งอย่าง อิซากะจะเลือกอะไร

     สองแถวครับ เพราะชอบครับ และญี่ปุ่นไม่มีด้วย

คิดว่าขนส่งสาธารณะไทยกับญี่ปุ่นต่างกันมากไหม

     ต่างครับ บางทีไทยสะดวกมากกว่าญี่ปุ่นเพราะมีหลายๆ อย่าง ถ้าไม่มีเวลามากก็ขึ้นมอ’ไซค์วินได้ รถเมล์และรถไฟธรรมดาที่ราคาถูกมากกกก ถ้ามีเวลาไปนั่งก็น่าจะดีครับเพราะใช้เวลาเดินทางนาน ปกติที่ญี่ปุ่นผมจะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่วนแท็กซี่แพงมากครับ (หัวเราะ) ราคาต่างกับไทยมาก ที่ไทยเริ่มตั้งแต่ 35 บาทใช่มั้ยครับก็ประมาณร้อยเยน ที่ญี่ปุ่นเริ่มประมาณสี่ร้อยเยนเลย

พอย้ายมาอยู่ไทยไม่ทันไร เราก็ทราบข่าวว่าอิซากะติดโควิด-19 ช่วงนั้นเป็นยังไงบ้าง 

     ตอนแรกรู้สึกขอโทษจริงๆ กับเพื่อนร่วมงานมากๆ หยุดประมาณสองอาทิตย์ แล้วก็รู้สึกว่านานมากกกกกกกกกก เวลาผ่านช้ามากกกก รู้สึกนานกว่าตอนมาไทยแล้วกักตัวอีก ไม่มีอะไรทำเลย แต่ว่าคนไทยใจดีมากๆ นะ เพื่อนร่วมงานส่งของมาให้กิน ผลไม้ เกลือแร่ บางคนส่งสลัดผักสดให้ 

     พอเริ่มสบายดีแล้ว ไม่มีอะไรทำ ก็เลยทำงานสอนภาษาญี่ปุ่นแบบออนไลน์ตามปกติเลย (หัวเราะ) แล้วผมก็ซื้อลอตเตอรี่เลขห้องที่กักตัวด้วย

เดี๋ยวๆ คุณรู้จักลอตเตอรี่ได้ยังไง

     ไปไหนมาไหนก็เห็นมีขาย โดยเฉพาะแถวสถานีรถไฟฟ้า ตลาดก็มี แล้วผมสงสัยว่านี่คืออะไร ผมก็ถามพี่บีม พี่บีมบอกมันคือลอตเตอรี่ คนต่างชาติก็ซื้อได้ ผมเลยซื้อ (หัวเราะ) 

     ที่ญี่ปุ่นก็มีลอตเตอรี่เหมือนกัน แต่ว่าเลือกตัวเลขไม่ได้ แล้วคนไทยก็ชอบคุยเรื่องลอตเตอรี่ ซื้อเลขอะไร ทำไมซื้อตัวเลขอันนี้ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยคุยกันนะครับ แล้วถ้าสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น คนไทยก็จะซื้อลอตเตอรี่เกี่ยวกับสิ่งนั้นด้วยใช่มั้ย (หัวเราะ) อันนี้ก็ความเชื่อใช่มั้ย ถ้าเป็นอุบัติเหตุต้องซื้ออะไรนะ เอ่อ เลขท้ายรถ (CONT.: “เลขทะเบียนรถเหรอคะ”) ใช่ๆๆๆ โอ้โห สุดยอด 

     ตอนติดโควิด-19 ผมเลยซื้อเลขห้องกักตัว ซึ่งก็ถูกจริงๆ ฮ่าๆๆๆ มันสุดยอดมากนะ ชอบมาก ดีใจมากครับ

แล้วปกติซื้อบ่อยไหม

     ซื้อบ่อยครับ ทุกงวด แต่ถูกปีละครั้ง ครั้งล่าสุดที่ถูกก็เป็นวันเดียวกัน วันที่ 1 มีนาคม ปี 2021 ผมเคยถูก แล้วปี 2022 ก็วันเดียวกันเลย โชคดีมากครับ

เดี๋ยวปีหน้าซื้อตามค่ะ

     (หัวเราะ) แต่ว่าผมมีกฎหมาย เอ่อ ไม่ใช่กฎหมาย อะไรนะ สิ่งที่ผมตั้งไว้ในใจ ซื้องวดละหนึ่งใบเท่านั้น ห้ามเสียเงินเยอะมาก

ขอ 5 อันดับคัลเจอร์ช็อกในไทยของอิซากะ

     ยากมากนะ (หัวเราะ) (ว่าแล้วอิซากะก็หยิบโพยที่จดไว้ขึ้นมา)

     อันดับ 5 มีร้านอาหารญี่ปุ่นเยอะเกินไป ไปไหนมาไหนก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะในห้าง ตกใจมาก แต่ก็ดีใจ แสดงว่าคนไทยชอบกินอาหารญี่ปุ่นมากๆ ประทับใจนะครับ แต่คนญี่ปุ่นหลายๆ คนก็ชอบกินอาหารไทยเหมือนกันครับ 

     อันดับ 4 สายไฟฟ้า สายไฟอินเทอร์เน็ตเป็นเพื่อนกับรังนก ตอนแรกผมคิดว่าโอ๊ย แปลกดี น่าสนใจ แต่พอคิดมากๆ มันก็อันตรายนิดนึงนะ ถ้าใครจับก็อาจเป็นอันตรายได้เลย สายแบบนี้ที่ญี่ปุ่นจะน้อยมาก เพราะเอาลงใต้ดินแล้วครับ 

     อันดับ 3 ข้างนอกร้อนมากๆ แต่ว่าข้างในหนาวมากๆ โดยเฉพาะในห้าง รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้า MRT มีแอร์แรงไป แล้วถ้าอากาศหนาวเกินไปผมก็จะท้องเสียด้วยนะ เวลาไปบริษัทก็ต้องใส่เสื้อข้างนอกแขนยาวๆ ด้วย 

     อันดับ 2 ที่ฉีดตูด สุดยอดมาก ที่ญี่ปุ่นก็มีที่ฉีดตูดแต่เป็นแบบปุ่มกดอัตโนมัติ แต่ว่าผมก็ไม่เคยใช้มาก่อนเลยนะครับ ส่วนที่ไทย บางที่ไม่มีทิชชู่ มีแค่ที่ฉีดตูดเท่านั้น ผมก็เลยต้องใช้ พอลองใช้ก็ โอ้ สุดยอด สดชื่นมากกกก (หัวเราะ) โอ้ ทำไมผมไม่เคยใช้มาก่อนเลย! แล้วผมก็เคยเจอแบบขันน้ำ โลคอลมากเลย ผมก็ตกใจครับ (หัวเราะ) ทำความสะอาดยังไงเอ่ย งงมากครับ แต่ว่าที่ฉีดตูดดีกว่าครับ สุดยอดมาก

     อันดับ 1 คนไทยคิดอาหารเก่ง หมายถึงไม่ใช่แค่อาหารไทยอร่อยนะครับ แต่ว่ามีอาหารแปลกๆ เยอะแยะ เป็นไอเดียดีมากๆ ครับ อย่างข้าวแช่ ปลาร้า แล้วก็มีข้าวหลามใส่หน่อไม้ (คุณบีม: “ไม่ใช่หน่อไม้ ใส่ไม้ไผ่”) ไม้ไผ่ๆๆๆ แล้วก็หมูกระทะ สุดยอดมาก หรือข้าวเหนียวมะม่วง ตอนแรกผมคิดว่าข้าวกับมะม่วงที่เป็นผลไม้เข้ากันได้เหรอ ปกติที่ญี่ปุ่นไม่กินข้าวกับผลไม้ครับ ผมสงสัยมาก แต่พอกินแล้ว หูย อร่อยมาก คนไทยคิดเก่งมากเลยครับ 

     อันดับ 0 แล้วก็มีอีกอย่างครับ คือความเชื่อของคนไทยแรงมาก (หัวเราะ) อย่างเชื่อเรื่องผี คนไทยชอบเล่าเรื่องผีมากๆ นะ ผีกระสือ ผีปอบ น้ำมันอะไรนะ น้ำมันพราย คนไทยก็เล่าให้ฟัง ผมก็โอ้โห คนไทยเชื่ออะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ (หัวเราะ) อันนี้ก็ตกใจมากครับ เรื่องขอหวยก็ความเชื่อแรงนะครับ อย่างการขูดต้นไม้

แล้วเคยไปขูดไหมคะ 

     เคยครับ (หัวเราะ) ไปขูดต้นไม้แล้วตัวเลขออกมา ผมไปซื้อแล้วก็ถูกจริงๆ ด้วย

นอกจากเรื่องความเชื่อ ไทยยังมีประเพณีต่างๆ ด้วยนะ อิซากะเคยเข้าร่วมอะไรบ้างไหม

     ได้เข้าร่วมประเพณีลอยกระทง แต่ว่าตอนนั้นผมไม่ได้ลอยนะครับ ไปยืนถ่ายรูปเฉยๆ แล้วมาลอยที่ห้องน้ำตัวเอง (หัวเราะ)

ทำไมล่ะคะ

     กลัวมันสกปรกครับ ไม่ค่อยดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ช่วงนี้เหมือนมีการประดิษฐ์ที่ปลากินได้ด้วย เอ่อ อะไรนะ (CONT.: “กระทงขนมปังเหรอคะ”) อ่า ใช่ๆ อันนี้ดีนะ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แล้วบางคนลอยในออนไลน์ ผมก็รู้สึกว่าประเทศไทยพัฒนาเรื่อยๆ ทันสมัยขึ้นนะ

สิ่งที่เจอในไทยแต่คิดว่าไม่เจอที่ญี่ปุ่นแน่ๆ  

     ไม่เจอแน่ๆ ก็มอ’ไซค์วิน พี่วินฯ ไม่มีแน่ๆ ครับ อนาคตก็ไม่มีแน่ๆ (หัวเราะ) ที่ญี่ปุ่นน่าจะกลัวมีปัญหา มีอุบัติเหตุบ่อย แล้วมอ’ไซค์ไม่ค่อยใส่หมวกกันน็อกใช่มั้ยครับ ที่ญี่ปุ่นอันนี้ไม่ได้แน่ๆ ครับ แต่จริงๆ แล้วตอนอยู่ไทยบางทีผมก็ไม่ได้ใส่ครับ (หัวเราะ) 

อะไรคือสิ่งที่ประทับใจที่สุดในไทย

     จริงๆ มีหลายอย่างครับ ตลาดต่างๆ ตลาดธรรมดา ตลาดน้ำ ผมก็ประทับใจ ที่ญี่ปุ่นจะมีเฉพาะตลาดปลา แล้วผมเคยอ่านหนังสือภาษาไทยตอนเรียนภาษาไทย มีคำว่าตลาดน้ำ ผมก็ ฮึ่ย ตลาดน้ำคืออะไร ผมอยากรู้มากๆ อยากไปมากๆ แล้วก็ได้ไปจริงๆ โอ้วววว ประทับใจมาก ขายของบนน้ำได้เหรอ ทำอาหารในเรือได้ด้วย สุดยอดดดด

จนถึงตอนนี้มีสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำไหม

     เยอะแยะเลยครับ มวยไทย ทำนาทำไร่ ปลูกผักปลูกข้าว ขับรถในไทย ประมาณนั้นครับ

หน้า 3
บันทึก: ภาษาไทยของอิซากะ

     กว่าจะมาเป็นเพจบันทึกลายมือน่ารักๆ อิซากะเล่าว่า ตอนเด็กๆ เขาเคยเขียนไดอารี่ แต่พอโตขึ้นหน่อยก็ไม่ค่อยได้เขียน หันมาอ่านหนังสือมากกว่า พอได้อ่านหนังสือมากๆ ก็ชอบและเริ่มอยากเขียนหนังสือบ้าง ช่วงอายุ 10 ขวบได้ลองเขียนเรื่องขึ้นมาเองโดยแต่งเติมจากการ์ตูนที่เคยได้อ่าน

     ตั้งแต่นั้นเขาก็สนใจการเขียนมากขึ้น และพอได้เรียนภาษาไทยก็เกิดความคิดที่จะเขียนบันทึกออกมาด้วย จึงเกิดเป็นเพจที่บรรจุเรื่องราวไทยๆ ด้วยลายมือยุกยิกน่ารัก คอยเรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้มจากคนไทยมาจนถึงตอนนี้

     แต่ระหว่างเขียนบันทึกในเพจไปเรื่อยๆ อิซากะก็คิดไว้ว่าสักวันหนึ่งก็อยากจะออกหนังสือ อยากหยิบความฝันวันวานที่ถูกพับเก็บไว้ในลิ้นชักออกมาไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่แล้ววันนั้นก็มาไวกว่าที่เขาตั้งใจไว้ 

ว่าแต่จนถึงตอนนี้เขียนไปกี่แผ่นแล้ว

     ไม่เคยนับเลย น่าจะมากกว่าร้อยอันแล้ว

ในการเขียนหนึ่งแผ่น อิซากะใช้เวลานานไหม

     เร็วที่สุดใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงครับ ตอนเขียนยาวๆ หน่อยก็ 5-6 ชั่วโมง ผมจะคิดเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อน แล้วค่อยพิมพ์ภาษาไทยแล้วเขียนตาม จากนั้นก็วาดรูปประกอบ บางวัน 6-7 ชั่วโมงเลย (หัวเราะ) 

     แต่ผมชอบเขียน ชอบวาดรูปนะครับ ผมไม่เคยคิดว่าทุกคนจะชอบภาพประกอบของผมด้วย 

มีเรื่องไหนที่เจอแต่ยังไม่ได้เล่าให้ลูกเพจฟังหรือเปล่า

     ฟุตพาทก็อยากเขียนนะ แต่ว่าผมกำลังคิดอยู่ครับ ผมอยากเขียนให้คนไทยรู้สึกสนุก ไม่รู้สึกอายครับ

พูดถึงลูกเพจ เราเห็นอิซากะชอบคุยกับลูกเพจบ่อยๆ ด้วย

     เพราะผมชอบอ่านคอมเมนต์มากๆ ครับ ผมดีใจที่ทุกคนเข้าใจภาษาไทยของผมได้แล้ว และก็อยากเข้าใจความคิดเห็นของคนไทย บางคนเล่าเรื่องประสบการณ์ของตัวเอง และก็มีแก้ไขภาษาไทยของผมบ้าง ผมอ่านสนุกมาก คนไทยชอบมาเขียนคอมเมนต์ประมาณร้อยอัน ผมไล่อ่านหมดเลย แล้วได้เจอคำศัพท์ใหม่ บางทีผมก็ไปเปิดพจนานุกรมหา โอ้ คำนี้มีความหมายแบบนี้นะ ดีครับ บางคนส่งสิ่งของให้ผมกินด้วย ทุเรียน น้ำจิ้มส้มตำ ขนมโบราณ ดีใจมากครับ

ความรู้สึกตอนได้ออกหนังสือ

     ดีใจมากๆ เลยครับ นี่เป็นความสำเร็จมากๆ จริงๆ ตอนแรกที่เริ่มเขียนบันทึกก็รู้สึกว่าสักวันผมอยากออกหนังสือ เรียกว่าสักวันนะครับ อีกห้าปี อนาคตๆๆๆ แต่ว่าความฝันได้เป็นความจริงเร็วมาก

ที่งานหนังสือฯ อิซากะก็ได้พบกับแฟนคลับด้วย เป็นยังไงบ้าง

     ตั้งแต่เริ่มเขียนเพจผมยังไม่เคยเจอใครมาก่อน ตอนเจอก็มีความสุขมากๆ จนพูดไม่ออกเลยนะครับ รู้สึกเขิน มีความสุข มีความดีใจ ความตื่นเต้นเต็มที่มากๆ แล้วผมก็ตัดสินใจว่าจะตั้งใจเขียนบันทึกเพื่อทุกคนเหล่านั้น เขียนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อทุกคนเลย อยากให้ทุกคนหัวเราะ ยิ้มกับหนังสือของผม บันทึกของผม จะร้องไห้ครับ แล้ววันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันเกิดของผม ทุกคนก็มาให้ของขวัญ เขียนจดหมายให้ด้วย ดีใจมากๆ 

สุดท้ายนี้ อยากให้อิซากะป้ายยาหนังสือตัวเอง

     หนังสือเล่มนี้เป็นความทรงจำของผมในเมืองไทย อาจจะเป็นสิ่งที่ธรรมดาทั่วไปมากๆ สำหรับคนไทย แต่ว่าคนต่างชาติอย่างผมเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นมากๆ ทำให้ตาผมฟรุ้งฟริ้ง (หัวเราะ) อยากให้ทุกคนอ่านบันทึกเกี่ยวกับเมืองไทยผ่านสายตาคนญี่ปุ่น น่าสนุกมากครับ