Wed 21 Dec 2022

Assistant Director

อนุสรา กอสัมพันธ์ นักเหยียบเบรก (ไม่ให้แตก)

ภาพ: NJORVKS

     เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็น ‘มีมแม่บ้านคนก่อน’ จากตัวอย่างภาพยนตร์ FAST AND FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ผ่านตากันมาบ้าง มีใครสงสัยมั้ยว่าหญิงสาวเสื้อน้ำเงินผู้รับบทเป็นแม่บ้านในเรื่องนี้ จริงๆ แล้วเธอเป็นใครกันแน่ 

     เอาล่ะ ถ้าอยากรู้เรื่องราวให้กระจ่าง พวกเราก็พร้อมที่จะแถลงไข ‘เมทัล’ ผู้แข็งแกร่งและทำได้ทุกอย่าง เธอคือ ‘โปเต้—อนุสรา กอสัมพันธ์’ แก๊งทีมงานเบื้องหลังโฆษณาแสบซ่าแห่ง Salmon House ไวท์โฮล! พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่ (ส่วนฉันก็ CONT. ไง)

     ว่าแต่ทีมงานกองถ่ายมีตั้งหลายหน้าที่ แล้วงานของเธอคืออะไรล่ะ คอลัมน์ Job Description ในตอนนี้จึงไปชวนโปเต้มาเล่าประสบการณ์การเป็น ‘ผู้ช่วยผู้กำกับ’ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาว่าเธอเริ่มต้นเส้นทางนี้ได้ยังไง สกิลที่ต้องมี เรื่องมูเตลูในกองถ่าย ไปจนถึงว่าเป็นผู้ช่วยฯ แล้วจะโตไปเป็นผู้กำกับได้จริงมั้ย

     ความชอบเรื่องการทำหนังของโปเต้เริ่มต้นตั้งแต่วัยมัธยม ไม่ว่าจะเป็นหนังสั้นหรือสารคดีก็ทำมาหมด แถมพอส่งประกวดได้รางวัลมาชุบชูใจก็ยิ่งมั่นใจในเส้นทาง เวลาเรียนคาบแนะแนวก็กรอกใบอาชีพในอนาคตว่า ‘ผู้กำกับ’ ตัวใหญ่ๆ แบบไม่อายใคร โปเต้เลือกเรียนต่อในคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้เข้าสู่โลกของกองถ่ายจริงจังครั้งแรกเมื่อไปฝึกงานที่บริษัทโฆษณา ทว่าตำแหน่งที่เธอได้ลองทำนั้นไม่ใช่ผู้กำกับอย่างที่ฝัน เพราะมันพ่วงคำว่าผู้ช่วยเข้ามาด้วย

     “เอาจริงๆ นะ ตอนแรกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานผู้ช่วยทำอะไร” โปเต้เล่าย้อนกลับไป แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ไปเรียนรู้นั้นก็ทำให้เธอรู้ว่าหน้าที่ของผู้ช่วยผู้กำกับต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งโปเต้สรุปมาได้ว่ามันคืองานแห่งการจัดการ ตั้งแต่ดูอาหารกองถ่าย จองคิวรถตู้ โทรปลุกผู้กำกับ เตรียมเอกสารสำคัญ ใส่ถ่านรีโมตแอร์ (พอก่อน) และแทบจะเป็นคนที่รู้ทุกอย่างเยอะกว่าผู้กำกับด้วยซ้ำ

     เมื่อเรียนจบออกมาก็เป็นจังหวะที่ทาง Salmon House เปิดรับสมัครผู้ช่วยพอดี เธอจึงกระโดดลงสนามด้วยความสง่า เก่งกล้าเหนือใคร เรามาเชียร์มาชิงชัย ให้งานผู้ช่วยฯ ของเรา! จนเผลอแป๊บเดียวโปเต้ก็ทำงานนี้มาห้าปีแล้ว

     “เคยมีคนบอกเราว่าผู้กำกับเป็นคนคิด What to do แต่ผู้ช่วยผู้กำกับเป็นคนทำ How to do”

     โปเต้แบ่งงานของผู้ช่วยเป็นสองขั้นตอน ขั้นแรกคือช่วงพรีโปรดักชั่น (Pre-Production) หรือก่อนการถ่ายทำ เป็นช่วงที่โปเต้ต้องรับบท ‘วุ้นแปลภาษา’ เพราะบางทีผู้กำกับมีภาพในหัว แต่เขาอาจจะสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ ผู้ช่วยฯ จึงต้องมองตาผู้กำกับแล้วรู้ใจ รับหน้าที่เป็นตัวกลาง แปลงานฉันด้วยใจเธอ นำสิ่งที่อยู่ในหัวผู้กำกับไปอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ

     อีกหน้าที่สำคัญในช่วงก่อนการถ่ายทำคือการทำ ‘เบรกดาวน์’ (Breakdown) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกองถ่าย เพราะเบรกดาวน์หมายถึงการแยกย่อยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ฉาก พร็อพ ตัวละคร ฯลฯ พร้อมวันเวลาที่จะใช้ถ่ายอย่างละเอียด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เตรียมตัวล่วงหน้า ช่วยลำดับการทำงานให้เป็นไปอย่างมีระบบ และทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น (สาธุ 99)

     ต่อมาคือช่วงโปรดักชั่น (Production) หรือวันไปออกกอง โปเต้จะคอยเป็นนักรัน (ที่ไม่ได้แปลว่านักวิ่ง) หมายถึงการประสานงานและสื่อสารกับทุกฝ่าย 

     “ส่วนใหญ่เราจะอยู่หน้าเซ็ตกับตรงมอนิเตอร์ เพราะต้องเป็นคนคอยบอกทีมต่างๆ ว่ากำลังถ่ายช็อตไหนอยู่ ถ่ายอันนี้จะเสร็จแล้ว ต้องย้ายไปตรงนั้น มันคือหน้าที่ของการจัดการและการสื่อสาร”

     เมื่อรู้หน้าที่ของผู้ช่วยฯ แล้ว เราจึงขอให้โปเต้คัดสามสกิลสำคัญที่คนเป็นผู้ช่วยฯ ต้องมีมาแบ่งปัน แน่นอนว่าสองข้อแรกคือการจัดการกับการสื่อสาร เพราะสอดคล้องกับหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ

     “ข้อสามคือความมั่นใจในตัวเอง สมมติเราคิดอะไรไปแล้วมีคนทักว่าทำไมไม่ทำแบบนี้ แล้วเราไขว้เขว งานที่เราคิดก็จะไม่มีความมั่นคง ดังนั้นเราต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าสิ่งที่เราคิดมามันดีแล้ว หรือถ้ามีคนอื่นมาพูด ก็ต้องดิสคัสกัน หาเหตุผลมาคุย หาทางที่ดีที่สุด แล้วถ้ามันผิดพลาดเพราะสิ่งที่เราเลือกขึ้นมาจริงๆ เราก็ต้องยอมรับว่ามันผิด”

     เราจึงไม่พลาดที่จะถามต่อว่าในเมื่อหน้าที่ผู้ช่วยสุดยิ่งใหญ่คือการทำเบรกดาวน์ แล้วถ้าเบรกแตกขึ้นมาล่ะ… สกิลไหนจะเอาอยู่บ้าง

     “เบรกแตกก็เป็นเรื่องธรรมดา (หัวเราะ) สำหรับเราที่จะวางเบรกดาวน์ มันจะมีสองแบบคือ วางมาแบบที่รู้ว่าแม่งแตกแน่ๆ กับวางมาแบบที่เซฟๆ เลย อันนี้ถ่ายได้ชัวร์ๆ ส่วนใหญ่ที่ Salmon House เบรกไม่ค่อยแตกเท่าไหร่ เพราะว่าพี่เบนซ์ (ธนชาติ ศิริภัทราชัย ผู้กำกับ) ก็จะช่วยรักษาเวลาด้วย

     “แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ ช็อตเยอะมาก เวลาน้อย ก็ต้องไล่บี้ บี้ที่ว่าคือสมมติตอนถ่ายจริงเราถ่ายรับหน้าคนสองคนคุยกัน แล้วช็อตที่คนคุยกันนั้นต้องถ่ายแคบเข้าไปอีก ก็ต้องเปลี่ยนเลนส์ จัดไฟ เราเลยต้องคิดว่าจังหวะไหน หรือวิธีการแบบไหนที่จะเร็วที่สุด สำหรับเรามันต้องใช้ประสบการณ์ถึงจะเรียนรู้ว่าอันนี้ช้า หรืออันนี้เร็ว”

     ตัดภาพไปตอนออกกองจริง สิ่งที่โปเต้พกไปด้วยคือเบรกดาวน์ที่ขาดไม่ได้เด็ดขาด ปากกาหนึ่งแท่ง และวิทยุสื่อสารเพื่อใช้ประสานงานกับทีม 

     พอรู้คำตอบเชิงภายภาพ เราก็สงสัยถึงคำตอบเชิงความเชื่อมั่นทางจิตใจ และโปเต้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยการบอกว่า “เราไม่ศรัทธาในระบบสีมงคล (หัวเราะ)”

     ม่ายเจงงงงงงง พอโปเต้เห็นหน้าช็อกๆ ของเรา (ที่ใส่เสื้อสีมงคลไปทำงานวันนั้นด้วย) จึงอธิบายต่อว่าครั้งหนึ่งเธอเคยใส่ตาม แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เลยไม่ขอเชื่ออีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้คิดว่าคนที่เชื่อเรื่องพวกนี้เป็นพวกงมงายแต่อย่างใด (ขอบคุณค่ะ)

     “เอาตรงๆ นะ เราเป็นคนเชื่อตัวเอง เรารู้สึกว่าวันนั้นมันจะราบรื่นได้ เพราะที่ผ่านมากูทำงานหนักเว้ย ถ้าเราทำงานหนัก ทำงานละเอียดมากๆ วันนั้นเราจะสบาย เราไม่ค่อยจะพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่าไหร่ ยกเว้นแต่ว่ามีเรื่องที่เอาไม่อยู่จริงๆ ไม่สบายใจ เราจะโทรหาแม่ ขอให้เขาอวยพรให้”

     ด้วยประสบการณ์ห้าปีในวงการกองถ่าย ตอนนี้โปเต้ก็เริ่มมีงานกำกับของตัวเองบ้างแล้ว แต่ช้าก่อน หากคุณคิดว่าการเป็นผู้ช่วยฯ จะเป็นหนทางให้เติบโตไปเป็นผู้กำกับ เราขอบอกว่าคุณคิดผิด! 

     แต่ไม่ต้องเศร้าไป เพราะโปเต้ก็เคยเป็นหนึ่งในคนที่คิดผิดเช่นกัน

     “เราเป็นเด็กเชียงใหม่ เลยมีความโลกแคบประมาณหนึ่ง ไม่รู้จักอะไรเลย เราอาจจะคิดว่าเรารู้ แต่เราไม่รู้อะไรเลย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการไปเป็นผู้ช่วยฯ ไม่ได้โตไปเป็นผู้กำกับ

     “แต่สิ่งที่ทำให้เราไปกำกับต่อได้ คือการอยู่กับพี่เบนซ์ เรารู้สึกว่าการเป็นผู้ช่วยฯ มันได้เปรียบตรงที่เราเห็นวิธีการคิดของเขา เหมือนเรียนรู้ว่าเขาทำงานยังไง คิดยังไง ไม่ใช่แค่เขาสั่งอะไรมาแล้วเราทำตามอันนั้น หรือเราพูดคุยกับเขาได้ บอกเขาได้ว่าอันนี้ไม่ดี อันนี้ดีกว่า การทำผู้ช่วยฯ ในวิธีการของเราเลยทำให้ต่อยอดไปเป็นผู้กำกับได้” 

     เมื่อโปเต้ได้ขยับไปทำงานกำกับดั่งใจหวัง เธอก็พบว่ามันเป็นงานที่เรียกร้องสกิลที่แตกต่างจากผู้ช่วยอย่างชัดเจน เพราะงานกำกับเป็นงานที่คิดทั้งหมด

     “เราว่าผู้กำกับต้องเป็นคนตัดสินใจเร็วและเด็ดขาด มีความครีเอทีฟ สามารถมองหาแง่มุมเล็กๆ มีความเป็นมนุษย์ และมี empathy 

     “ในมุมมองของเรา การทำงานกำกับคือการทำงานที่เราเอาความรู้ความสามารถมาทำงานให้ตัวเอง บางทีงานอาจจะไม่เหมือนภาพที่คิดเป๊ะ 100% เราก็ต้องเข้าใจตรงนั้น 

     “มันอาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา เรารับรู้มุมมองของผู้กำกับว่าต้องดุต้องด่าต้องเกรี้ยวกราด ซึ่งเราก็เคยเจอแบบนั้น แต่ความจริงมันไม่จำเป็นเลย ยิ่งมาทำงานกับพี่เบนซ์ที่เป็นคนใจดี เลยเข้าใจว่าผู้กำกับไม่ต้องดุต้องด่าก็ได้นี่นา”

     สุดท้ายเราขอให้โปเต้เล่าเรื่องสนุกๆ ในกองถ่ายให้ฟังสักหน่อย เจ้าตัวหยุดคิดไปแป๊บนึง ก่อนจะบอกว่า “เราว่าทุกกองก็มีเรื่องต่างกันไปคนละแบบ นึกไม่ค่อยออกเลยว่ะเรื่องสนุกๆ ออกกองเครียด (กุมหัว) ปวดหัว”

     ไม่ได้การละ มันจะจบแบบเครียดๆ ไม่ได้ เราเลยตั้งคำถามใหม่ เพราะเห็นว่า ‘FAST AND FEEL LOVE เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ’ ภาพยนตร์ที่โปเต้ได้ร่วมแสดงเคลมว่าเป็นหนังแอ็กชั่นในชีวิตประจำวัน เราจึงให้โปเต้เปรียบเทียบการทำงานในกองถ่ายกับหนังแอ็กชั่นสักเรื่อง

     “น่าจะเหมือนกับ Avengers มั้ง เพราะมันมีหลายคน การทำภารกิจสักอย่างไม่ได้มีฮีโร่แค่คนเดียว ออกกองครั้งนึงเหมือนออกไปต่อสู้ เหมือนลูกค้าคือธานอส แล้วเราออกไปสู้กับเขา เหมือนฉากนั้นเลยที่ทุกคนรวมกัน Avengers Assemble!!!”

     ก่อนจะจบบทสนทนา โปเต้ก็นึกขึ้นมาได้ว่า จริงๆ แล้วตัวละครเมทัลที่เธอเล่นก็เหมือนกับตำแหน่งผู้ช่วยฯ ที่เธอทำอยู่ โดยมีคุณเกาเป็นเหมือนผู้กำกับ เพราะเมทัลจะคอยจัดการปัญหาและสะสางงานทุกอย่างให้ เพื่อให้คุณเกาสานฝันตัวเองได้

     “เหมือนจาร์วิสของไอรอนแมน ใช่เลย”