MITSURU ADACHI
อาสาพาผู้อ่านเข้าร่วมคณะทัวร์เดินทางสู่อาณาจักรมังงะกีฬาของ ‘มิซึรุ อาดาจิ’
เรื่อง: สุชานาถ กิตติสุรินทร์
ภาพ: 24celsiusc
แม้จะเลื่อนมาหนึ่งปีเต็ม (จนเลขไม่สวยเท่าเดิม) ในที่สุดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 32 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘โตเกียว 2020’ (Tokyo 2020) ก็ได้เริ่มจัดงานอย่างเป็นทางการแล้ว! โดยหนึ่งในความพิเศษของงานนี้คือการเพิ่ม ‘กีฬาเบสบอล’ เข้ามาเป็นกีฬาชิงเหรียญอีกครั้ง หลังจากถูกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee: IOC) ถอดออกไปตอนลอนดอนโอลิมปิก 2012 แต่ก็มีการลงมติว่าจะถูกถอดออกอีกครั้งในปารีสโอลิมปิก 2024 (ทำไมช่วงเวลาของน้องช่างแสนสั้น TwT)
เพื่อไม่ให้น้องเบสบอลที่อุตส่าห์ได้กลับมาทั้งทีต้องเศร้าสร้อย เราจึงทิพย์ขึ้นมาได้ว่าในบรรดานักวาดมังงะกีฬานับพันในวงการ มีอยู่คนนึงที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเบสบอลจนโด่งดังทั้งผลงานและช่วยนำพาให้กีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมไปทั่วญี่ปุ่น ซึ่งคนคนนั้นก็คือ!!! (รัวกลองดุริยางค์ ตุงตุงตุงตุง) ‘มิซึรุ อาดาจิ’ (Mitsuru Adachi) นั่นเอง!
หากคุณไม่รู้จักว่าเขาคนนี้เป็นใคร เราขอแนะนำสั้นๆ ก่อนว่า ‘มิซึรุ อาดาจิ’ คือนักเขียนการ์ตูนชาวอาทิตย์อุทัย เจ้าของผลงานชื่อดังที่คุณสามารถดูได้ในโพสต์นี้ (ดักก่อนหนึ่ง) ซึ่งการ์ตูนของอาดาจินั้นโดดเด่นด้วยพลอตเรื่องเรียบง่าย เทคนิคการเล่าเรื่องอันเป็นเอกลักษณ์ ลายเส้นสุดคลีนสบายตา และการหยิบเอากีฬา (โดยเฉพาะเบสบอล) มาผสมผสานกับเรื่องราว slice of life ของหนุ่มสาววัยมัธยม จนทำให้เขาเป็นนักเขียนการ์ตูนที่มียอดขายรวมกว่า 200 ล้านเล่ม
ในบรรดาตัวละครที่หน้าเหมือนกันแทบจะทุกเรื่องนั้นมีความแตกต่างและโดดเด่นอย่างไร วันนี้เราขออาสาพาผู้อ่านเข้าร่วมคณะทัวร์เดินทางสู่อาณาจักรมังงะกีฬาของ ‘มิซึรุ อาดาจิ’ ซึ่งขอกระซิบว่ามีมากกว่ากีฬาเบสบอลด้วยนะ!
NINE (1978-1980)
ก่อนจะมาเป็นนักวาดชื่อดังระดับประเทศ ‘มิซึรุ อาดาจิ’ เคยเป็นผู้ช่วยนักเขียนรุ่นใหญ่ถึง 9 ปี แม้ระหว่างนั้นเขาจะเพียรส่งการ์ตูนไปเสนอสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่สุดท้ายก็ได้รับแต่ความผิดหวัง
กระทั่งวันหนึ่งบรรณาธิการ ‘Shonen Sunday’ นิตยสารรายสัปดาห์ของสำนักพิมพ์โชกะคุคัง (Shogakukan) ติดต่อมาว่าอยากให้อาดาจิลองส่งงานไปให้พวกเขาดู เขาจึงได้เริ่มลงมือเขียนการ์ตูนเรื่อง ‘NINE’ (1978-1980) ผลงานชิ้นแรกซึ่งเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
‘NINE’ คือเรื่องราวของ ‘คัตสึยะ นิอิมิ’ และ ‘สึซึมุ คาราซาว่า’ เพื่อนสนิทสองคนที่สอบติดโรงเรียนมัธยมปลายเซชูมาด้วยกัน ทั้งคู่แอบชอบ ‘ยูริ นากาโอะ’ ลูกสาวของโค้ชเบสบอลประจำโรงเรียน พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมทีมเบสบอลเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับยูริมากขึ้น ก่อนจะได้เรียนรู้หลายๆ อย่างที่มากไปกว่าการเล่นเบสบอล
แม้จะเป็นผลงานเดบิวต์ที่ลายเส้นดูจะไม่โชเน็นเอาซะเลย แต่ ‘NINE’ ก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในหมู่นักอ่าน และได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะซีรีส์ในปี 1983
สำหรับฉบับภาษาไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจในชื่อ ‘NINE ไนน์’ มีทั้งหมด 2 เล่มจบ
TOUCH (1981-1986)
มาต่อกันที่ผลงานระดับชาติที่แปลว่าชาติจริงๆ เพราะ ‘TOUCH’ คือการ์ตูนเบสบอลที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการการ์ตูนญี่ปุ่น ด้วยการได้รับเกียรติให้เข้าไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์โคชิเอ็ง สเตเดียม (Koshien Stadium) สนามกีฬาเบสบอลในฝันของนักกีฬาเยาวรุ่นญี่ปุ่นทุกคน
‘TOUCH’ (1981-1986) ผลงานขนาดยาวลำดับที่ 5 ของอาดาจิ บอกเล่าเรื่องราวของ ‘ทัตสึยะ อุเอสึงิ’ และ ‘คัตสึยะ อุเอสึงิ’ สองฝาแฝดผู้มีความฝันที่จะนำพาทีมเบสบอลของโรงเรียนเมย์เซย์ไปสู่โคชิเอ็ง เพื่อทำให้ ‘มินามิ อาซากุระ’ สาวน้อยข้างบ้านมีความสุขให้ได้ แน่นอนว่าระหว่างทางนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ตัวละครในเรื่องต้องพิสูจน์ตัวเองทั้งทักษะด้านกีฬา การเอาชนะการฝึกสุดโหด ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมไปถึงเรื่องความรักด้วย
อย่างที่เล่าไปในตอนต้นว่าอาดาจิคือนักเขียนที่ทำยอดขายการ์ตูนได้ 200 ล้านเล่ม ซึ่งลำพังแค่ ‘TOUCH’ เรื่องเดียวก็ฟาดไปที่ 100 ล้านเล่มแล้ว! เรียกได้ว่าดังไม่หยุดฉุดไม่อยู่ของจริง แถมเรื่องนี้ยังทำให้อาดาจิได้รับรางวัลโชกะคุคัง อวอร์ด (Shogakukan Manga Award) ในสาขามังงะยอดเยี่ยมหมวดการ์ตูนเด็กผู้ชาย (โชเน็น) และหมวดการ์ตูนเด็กผู้หญิง (โชโจ) จากเรื่อง ‘มิยูกิ’ (Miyuki) ในปี 1982 ด้วย
ยัง ยังไม่หมด ‘TOUCH’ ได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะในปี 1985-1987 แน่นอนว่าได้รับความนิยมไปทั่วบ้านทั่วเมือง (เคยมีฉายในเมืองไทยทางช่อง 5 ด้วยนะ) ก่อนจะถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงอีกครั้งในปี 2005 สำหรับฉบับภาษาไทยจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเจ้าเดิมในชื่อ ‘ทัช ยอดรักนักกีฬา’ พร้อมด้วยจำนวน 12 เล่มจบ
ทั้งนี้ ยังมีรายงานจากสถานีโทรทัศน์อาซาฮีว่า ‘TOUCH’ ได้รับการโหวตให้เป็นอันดับ 24 จาก 100 มังงะที่ดีที่สุดตลอดกาลโดยนักอ่าน 150,000 คนที่ร่วมลงคะแนนเมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา
H2 (1992-1999)
‘H2’ (1992-1999) คือเรื่องราวของ ‘ฮิโร่ คุนิมิ’ ‘ฮิเดโอะ ทาจิบานะ’ และ ‘อัตสึชิ โนดะ’ เพื่อนสามคนที่เล่นเบสบอลด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย ฮิโร่กับอัตสึชิได้รับการตรวจว่าร่างกายมีปัญหาจากการเล่นเบสบอล ทำให้พวกเขาตัดสินใจเลิกเล่นและไปสอบเข้าโรงเรียนเซนคาว่าที่ไม่มีชมรมเบสบอล
ส่วนฮิเดโอะยังคงมุ่งมั่นในความฝัน เขาไปสอบเข้าโรงเรียนเมวะไดอิจิที่มีชื่อเสียงด้านเบสบอล ที่นั่นเขาได้พบรักกับ ‘ฮิคาริ อามามิยะ’ เด็กสาวชมรมธนูผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฮิโร่อีกที
ที่โรงเรียนแห่งใหม่ ฮิโร่เลือกเข้าร่วมชมรมฟุตบอล ส่วนอัตสึชิอยู่ชมรมว่ายน้ำ ต่อมาทั้งคู่พบว่าความจริงแล้วร่างกายของพวกเขาปกติดีทุกอย่าง เพราะหมอที่เคยวินิจฉัยให้นั้นเป็นหมอเถื่อน (บ้าจริง) ฮิโร่และอัตสึชิะจึงพยายามตั้งชมรมเบสบอลประจำโรงเรียนเซนคาว่าขึ้น โดยได้รับความช่วยเหลือจาก ‘ฮารุกะ โคกะ’ เด็กสาวผู้รักเบสบอลเป็นชีวิตจิตใจ
ความฝันของฮิโร่และอัตสึชิคือการพาทีมโรงเรียนเซนคาว่าไปสู่โคชิเอ็ง ทำให้ทั้งทีมและพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทาย การแข่งขัน กลโกง และอุปสรรคมากมายที่คอยขวางทาง แต่ขอบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้โฟกัสแค่ความมุ่งมั่นของเหล่าตัวละครเท่านั้น เพราะยังมีความรักสี่เส้ามาเอี่ยวแบบเต็มๆ ซึ่งชื่อ ‘H2’ ก็มาจากความสัมพันธ์ที่พัวพันกันของตัวละครหลัก 4 คนคือ ฮิโร่, ฮิเดโอะ, ฮิคาริ และฮารุกะ นั่นเอง (ส่วนอัตสึชิเป็นคนกลางในความรักสุดยุ่งเหยิงเหล่านี้)
‘H2’ ถือเป็นผลงานเรื่องยาวที่สุดของอาดาจิ ตีพิมพ์ออกมาทั้งหมด 34 เล่ม (ฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า ‘H2 เอชทู’ โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจเช่นเคย) ถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะจำนวน 41 ตอนในปี 1995 และฉบับซีรีส์คนแสดงจำนวน 11 ตอนในปี 2005 อีกทั้ง ‘H2’ ยังได้รับการโหวตให้เป็นอันดับที่ 72 จาก 100 มังงะที่ดีที่สุดตลอดกาลอ้างอิงจากรายงานของสถานีโทรทัศน์อาซาฮีในปี 2021
Cross Game (2005-2010)
ถ้าถามว่าหมดเรื่องเบสบอลหรือยัง เราก็จะตอบว่ายัง! (น้ำตาจะไหล คุณพี่เอาแรงจากไหนมาเขียนเยอะแยะขนาดนี้)
‘Cross Game’ (2005-2010) อีกหนึ่งผลงานที่เล่าเรื่องกีฬาเบสบอลและความรักวัยรุ่นของอาดาจิ คราวนี้เป็นเรื่องราวของ ‘โค คิตะมูระ’ เด็กหนุ่มหนึ่งเดียวท่ามกลางสาวๆ ตระกูลซึกิชิมะ ได้แก่ ‘อิจิโยะ’ พี่สาวคนโต, ‘วากาบะ’ พี่สาวคนรอง, ‘อาโอบะ’ ลูกสาวคนที่สาม และ ‘โมมิจิ’ น้องสาวคนเล็ก
ตัวมังงะแบ่งเป็นสามพาร์ต พาร์ตแรกเป็นชีวิตวัยประถมของโค เขากับวากาบะต่างเกิดวันและโรงพยาบาลเดียวกัน ทั้งคู่จึงสนิทกันจนทำให้วากาบะคิดกับโคเกินเพื่อน ทว่า วันหนึ่งอุบัติเหตุที่ค่ายฝึกซ้อมว่ายน้ำก็พรากชีวิตวากาบะไป เหลือไว้เพียงความฝันที่เธออยากเห็นโคได้ไปยืนบนสนามโคชิเอ็ง
อาโอบะเป็นเด็กสาวที่มีความสามารถด้านกีฬาและไม่ชอบโคเอาซะเลย เพราะคิดว่าเขาจะมาแย่งวากาบะไป แต่หลังจากสูญเสียพี่สาว อาโอบะก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับโคมากขึ้น เพราะอยากจะผลักดันให้ความฝันของวากาบะเป็นจริง ด้วยเหตุนี้ทำให้เธอได้ค้นพบอีกด้านหนึ่งของโคจนก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ มังงะพาร์ตที่สองกับสามจะเล่าเรื่องชีวิตของโคในช่วงปีสุดท้ายของมัธยมต้นไปจนถึงวันที่ได้ไปแข่งที่โคชิเอ็ง
ปี 2009 ‘Cross Game’ ได้รับรางวัลรางวัลมังงะยอดเยี่ยมในหมวดการ์ตูนเด็กผู้ชาย (โชเน็น) จากเวทีโชกะคุคัง อวอร์ด ครั้งที่ 54 อีกทั้งยังได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะความยาว 50 ตอนในปีเดียวกันด้วย
ด้านลิขสิทธิ์เวอร์ชั่นหนังสือตกเป็นของวิบูลย์กิจอย่างไม่ต้องสงสัย ฉบับแปลภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘Cross Game ครอสเกม เกมรักหัวใจ x2’ มีจำนวน 17 เล่มจบ
MIX (2012-ปัจจุบัน)
‘MIX’ (2012-ปัจจุบัน) ผลงานล่าสุดของอาดาจิ เล่าเรื่องในจักรวาลภาคต่อของ ‘TOUCH’ มังงะแห่งชาติในตำนาน หลังจากสองแฝดอุเอสึงิพาโรงเรียนเมย์เซย์ไปคว้าชัยที่โคชิเอ็งได้สำเร็จ ชมรมเบสบอลของที่นี่ก็เลื่องชื่อลือชาว่าสุดปัง กระทั่งอีก 26 ปีต่อมามาตรฐานชมรมกลับตกต่ำลงเรื่อยๆ แถมทีมยังถูกปกครองด้วยลูกชายประธานสมาคมผู้ปกครอง จนเสียระบบไปหมด
‘โทมะ ทาจิบานะ’ และ ‘โซอิจิโร่ ทาจิบานะ’ สองพี่น้องวัย 13 ปีเป็นนักเบสบอลฝีมือดี ทั้งคู่ตัดสินใจเข้าร่วมทีมเบสบอลของโรงเรียนเมย์เซย์ และตั้งเป้าว่าจะพาทีมไปโคชิเอ็งอีกครั้งให้ได้! (อย่างไรก็ดี ทั้งสองคนไม่ได้เป็นแฝดเหมือนเรื่อง ‘TOUCH’ แต่ทำไมอายุเท่ากันนะ ต้องไปติดตาม)
นอกจากนี้ยังมีตัวละครจากมังงะเรื่องอื่นๆ ของอาดาจิมาร่วมแจมเป็นแขกรับเชิญด้วย! ใครที่เป็นแฟนการ์ตูนในจักรวาลของคุณนักเขียนเตรียมฟินกันได้เลย
ปัจจุบัน ‘MIX’ ตีพิมพ์ออกมา 17 เล่ม แม้อาดาจิจะยังเขียนไม่จบ แต่เรื่องนี้ก็ถูกดัดแปลงเป็นฉบับอนิเมะในปี 2019 ด้วยจำนวน 24 ตอนไปเรียบร้อย ส่วนมังงะฉบับแปลไทยมีถึงเล่ม 15 แน่นอนว่าสำนักพิมพ์เจ้าของลิขสิทธิ์ก็คื้ออออ… วิบูลย์กิจนั่นเอง! ไหนใครยังตอบไม่ได้ (ไม่มองอ่อน ไม่มองแรง แต่มองนานแล้วค้างไว้)
Q&A (2009-2012)
และแล้วในที่สุดเราก็ได้ออกจากโคชิเอ็งแล้วค่ะทุกท่าน! กับมังงะ ‘Q and A’ (2009-2012) ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘อัตสึชิ อันโด’ และ ‘ฮิซาซิ อันโด’ หรือ ‘คิวจัง’
ฮิซาชิเป็นนักเรียนตัวท็อป เรียนเราเด่น เล่นเราดี กรีฑาเลิศ ทำให้อัตสึชิติดอยู่ในเงาของพี่ชายมาโดยตลอด ทว่าวันหนึ่งความตายก็พรากฮิซาชิวัย 11 ปีไปจากครอบครัว เหลือไว้เพียงความทรงจำ และทำให้พ่อแม่พาอัตสึชิย้ายบ้านเพราะทำใจไม่ได้
อีกหกปีต่อมาครอบครัวอันโดตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่บ้านหลังเดิม ที่นี่อัตสึชิวัยมัธยมปลายได้เจอกับผีพี่ชายวัยประถมอีกครั้ง แถมยังมาวนเวียนรอบตัวสร้างเรื่องราวทั้งร้ายและดีไม่มีขาด อีกทั้งการย้ายกลับมาครั้งนี้ยังทำให้อัตสึชิได้เจอกับ ‘ยูโฮะ มาเอซาว่า’ สาวน้อยชมรมกรีฑาผู้ได้แรงบันดาลใจในการเป็นนักวิ่งจากฮิซาชิ พี่ชายของเขานั่นเอง
ยังไม่หมด ที่โรงเรียนมัธยมปลายเมย์กะ อัตสึชิยังต้องเผชิญกับ ‘ริกิ จินโนะ’ หัวหน้าชมรมกรีฑาพ่วงตำแหน่งอดีตอริของพี่ชายที่ได้โอกาสเอาความแค้นมาลงกับเขาผู้ไม่เอาไหนทั้งด้านกีฬาและพละกำลัง เรื่องราวปั่นป่วนของหลายคนและหนึ่งผีจึงเริ่มต้นขึ้น
‘Q&A’ มีทั้งหมด 6 เล่ม ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘คิวแอนด์เอ Q and A’ และเจ้าของลิขสิทธิ์ก็คือวิบูลย์กิจเจ้าเดิม ในส่วนของชื่อเรื่องนั้น ‘Q’ มาจาก ‘คิวจัง’ (Q-Chan) เป็นการออกเสียงอีกแบบของชื่อของฮิซาชิ และ ‘A’ มาจากอัตสึชิ ทำให้เข้าใจได้ว่าเส้นเรื่องหลักของมังงะเรื่องนี้คือความสัมพันธ์ของพี่น้องตระกูลอันโดนั่นเอง
ROUGH (1987-1989)
‘Rough’ (1987-1989) มังงะรักโรแมนติกที่หยิบเอากีฬาว่ายน้ำมาเติมเต็มเรื่องราว เมื่อปีการศึกษาใหม่ที่โรงเรียนเอย์เซ็นได้เริ่มต้นขึ้น ‘เคย์สุเกะ ยามาโตะ’ นักเรียนปีหนึ่งเจ้าของเหรียญทองแดงในการแข่งว่ายน้ำฟรีสไตล์ 100 เมตรระดับประเทศสามปีซ้อนได้พบกับ ‘อามิ นิโนมิยะ’ สาวสวยแห่งชมรมกระโดดน้ำ ก่อนจะตกหลุมรักเธอในเวลาต่อมา
ตอนแรกอามิเกลียดเคย์สุเกะเข้าไส้ เพราะตระกูลของทั้งคู่ทำธุรกิจร้านขนมเหมือนกัน แถมยังมีปมเรื่องคุณปู่ในอดีตอีก แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกันทั้งสองก็ค่อยๆ สนิทสนมจนพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ ทว่า ยังไม่ทันได้สมหวังก็ถูกขัดขาโดย ‘ฮิโรกิ นากานิชิ’ นักกีฬาว่ายน้ำอันดับหนึ่งของประเทศ ผู้เป็นทั้งเพื่อนสมัยเด็กและคู่หมั้นของอามิ ทำให้เคย์สุเกะมีไฟฮึดสู้ต้องเอาชนะหมอนี่ให้ได้!
‘Rough’ ตีพิมพ์ออกมา 12 เล่ม ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘Rough รักต้องลุย’ มีการดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงในปี 2006 ด้วย
SLOW STEP (1986-1991)
‘Slow Step’ (1986-1991) ผลงานแนวการ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิง (โชโจ) ไม่กี่เรื่องของอาดาจิ ว่าด้วยเรื่องราวของ ‘มินาสึ นาคาซาโตะ’ สาวน้อยสุดป๊อปแห่งชมรมซอฟต์บอลประจำโรงเรียนมัธยมอาซาโอกะ เธอมีหนุ่มๆ มารุมขายขนมจีบถึงสามคน ได้แก่ ‘ชู อากิบะ’ เพื่อนร่วมห้องจากชมรมมวย ‘นาโอโตะ คาโดมัทซึ’ รุ่นพี่ชมรมมวยโรงเรียนโจเซ และ ‘คังโกะ ยามะซากุระ’ อาจารย์พิเศษและที่ปรึกษาชมรมซอฟต์บอล
แม้นางเอกของเราจะเป็นสมาชิกชมรมซอฟต์บอล แต่น้ำหนักในเรื่องจะเทไปทางชมรมมวยมากกว่า โดยทั้งชูและนาโอโตะต่างก็เป็นนักมวยทั้งคู่ ด้านอาจารย์คังโกะเองก็มีความเกี่ยวข้องกับกีฬาชนิดนี้ในอดีตเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องราวความรักก็ตามประสาการ์ตูนโชโจ มีความสนุกสนานอลวนในความสัมพันธ์ ชวนลุ้นว่าสุดท้ายแล้วมินาสึจะเลือกหนุ่มคนไหนมาเป็นคู่ใจ
. ‘Slow Step’ ตีพิมพ์ออกมาทั้งหมด 7 เล่ม ฉบับภาษาไทยมาในชื่อ ‘Slow Step สโลว์สเต็ป’ โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจมีการรวบจาก 7 เล่มให้เหลือ 3 เล่มจบ นอกจากนี้ ยังถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะแบบ OVA (Original Video Animation คือไม่มีการฉายออกอากาศช่องทางใดๆ แต่จะจัดจำหน่ายแยกหรือเป็นของแถมในผลิตภัณฑ์อื่นๆ) ในปี 1991 ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนตอนจบไม่เหมือนต้นฉบับมังงะด้วย
ปิดท้ายกันที่ ‘Katsu!’ (2001-2005) มังงะกีฬาชกมวยที่เล่าเรื่องของ ‘คัทสึกิ ซาโตยามะ’ เด็กหนุ่มวัย 15 ปี เขาแอบชอบ ‘คาซึกิ มิซึทานิ’ เพื่อนร่วมห้องพ่วงตำแหน่งลูกสาวเจ้าของค่ายมวยมิซึทานิ คัทสึกิตัดสินใจไปสมัครค่ายมวยของคุณพ่อคาสึกิเพื่อหวังจะได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ก่อนจะพบว่าคาซึกิไม่ชอบพ่อและกีฬาประเภทนี้เอามากๆ
ระหว่างการฝึกซ้อม คัทสึกิค้นพบพรสวรรค์ด้านการชกมวยที่ซ่อนอยู่ในตัว จากนั้นจึงได้รู้ความจริงว่าคาซึกิไม่ได้เกลียดการชกมวย เธอรักมันมาก แต่เพราะมวยเป็นกีฬาของผู้ชาย ซึ่งเธอไม่สามารถเข้าร่วมได้ คาซึกิจึงผันตัวมาเป็นเทรนเนอร์และผู้จัดการส่วนตัวให้กับคัทสึกิ เพื่อช่วยพาเขาไปสู่ชัยชนะ
พอขึ้นมัธยมปลาย คัทสึกิหันมาเอาดีด้านกีฬาชกมวยอย่างเต็มตัว แต่ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งที่เป็นอดีตมือขว้างอันดับ 1 จากโคชิเอ็ง หรือศัตรูหัวใจที่มาแอบปิ๊งคาซึกิจนต้องนัดคัทสึกิมาเปิดศึกนอกสังเวียน
ชื่อเรื่อง ‘Katsu!’ มาจากชื่อตัวละครหลักทั้งสองที่ออกเสียงสองคำแรกคล้ายกัน พระเอกคือ ‘คัทสึ’ (กิ) และนางเอกคือ ‘คาซึ’ (กิ) มังงะต้นฉบับออกมาทั้งหมด 14 เล่มจบ ฉบับภาษาไทยใช้ชื่อว่า ‘คัทสึ Katsu’ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ เคยพิมพ์ออกมาแล้ว 16 เล่ม ก่อนจะกลับมาตีพิมพ์ใหม่อีกครั้ง โดยคราวนี้จะมีทั้งหมด 8 เล่ม ซึ่งปัจจุบัน (กรกฎาคม 2021) ออกมาถึงเล่ม 5 แล้วจ้า
อ้างอิง:
• manga.fandom.com/wiki/Mitsuru_Adachi