Fri 17 Sep 2021

8 LESSONS 8 CHARACTERS

เปิดห้องเรียนว่าด้วยเพศศึกษาและความสัมพันธ์ผ่าน 8 ตัวละครหลักจากซีรีส์ ‘SEX EDUCATION’

ภาพ: ms.midsummer

     เราได้จับถุงยางของจริงครั้งแรกในวิชาสุขศึกษาตอน ม.6

     ในคาบนั้นเราต้องสวมถุงยางให้ม้วนกระดาษหนังสือพิมพ์ที่จำลองเป็นอวัยวะเพศชาย (มาคิดตอนนี้แล้วการใช้ม้วนหนังสือพิมพ์ฟังดูช่างน่าอดสูยิ่งนัก) แม้จะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับเพื่อนอีกหลายคน แต่ยอมรับเลยว่าเขินมาก แถมจำไม่ได้ด้วยว่าวิธีที่ถูกต้องคือแบบไหน เพราะมัวแต่ขำกลบเกลื่อน

     จริงๆ ไม่ต้องไปถึงเรื่องถุงยาง เราในตอนนั้นแค่จะยืมผ้าอนามัยจากเพื่อนยังต้องกระซิบเลย 

     กว่าจะรู้ว่าเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือลึกลับ เป็นท็อปปิกที่ควรพูดได้อย่างทั่วไปก็ปาเข้าไปตอนปีท้ายๆ ของชีวิตมหาวิทยาลัย พอมาคำนวณดูเวลาและพื้นที่สมองที่เสียไปกับการจดจำเนื้อหาสุขศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงฯ แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า ฉันได้อะไรจากสิ่งนั้นบ้างเอ่ย 

     แถมยังโดนตอกย้ำซ้ำเติมกว่าเดิมเมื่อได้ดู Sex Education ซีรีส์สัญชาติอังกฤษที่โด่งดังไปทั่วโลก เพราะซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่ความสนุก แต่ยังสอดแทรกความรู้เรื่องเพศศึกษาและความสัมพันธ์เข้ามาอย่างเป็นมิตร จนทำให้คนดูอย่างเราได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวละคร 

     และเนื่องในโอกาสอันดีที่ Sex Education ซีซั่น 3 กำลังจะกลับมาโลดแล่นบนจอในวันที่ 17 กันยายนนี้ (กรี๊ดดดด มาสักที!) เราจึงขอเปิดห้องเรียนเฉพาะกิจเล่าเรื่องราวของ 2 ซีซั่นแรก (รวม 16 ตอน) ผ่าน 8 ตัวละครหลักที่คัดสรรมาแล้วว่าตัวท็อปทั้งนั้น

     รีบลงทะเบียนแล้วมา SKIP INTRO ก่อนไปดูซีซั่น 3 ด้วยกัน!

Title: Sex Education 1 + 2
Year: 2019, 2020
Genre: Comedy, Drama, Coming of age
Episode: 8 per season 
Available on: Netflix

คาบที่ 1: โอทิส มิลเบิร์น

     ‘โอทิส มิลเบิร์น’ (รับบทโดย เอซา บัตเตอร์ฟิลด์) เด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้เติบโตมาในครอบครัวนักบำบัดทางเพศ ในวัยเด็กเขาบังเอิญไปเห็นพ่อตัวเองกำลังมีเซ็กซ์กับคนไข้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้พ่อกับแม่แยกทางกัน และทำให้โอทิสกลายเป็นคนกลัวเซ็กซ์ ไม่กล้าแม้กระทั่งจะช่วยตัวเอง 

     แม้โอทิสจะทั้งโสดและซิง แต่ความรู้ด้าน 18+ ที่เจ้าตัวได้รับจากการอาศัยอยู่กับ ‘จีน มิลเบิร์น’ (รับบทโดย จิลเลียน แอนเดอร์สัน) คุณแม่ผู้เป็นกูรูเรื่องเซ็กซ์ก็ทำให้โอทิสมีความสามารถด้านการเป็นที่ปรึกษาเรื่องเซ็กซ์ติดมาโดยไม่รู้ตัว

     วันดีคืนดีเขาได้เอาความรู้ที่มีไปให้คำปรึกษากับ ‘อดัม กรอฟฟ์’ (รับบทโดย คอนเนอร์ สวินเดลล์) จอมอันธพาลดีกรีลูกครูใหญ่โรงเรียนมัวร์เดลที่มีปัญหาด้านการถึงจุดสุดยอด ทำให้ ‘เมฟ ไวลีย์’ (รับบทโดย เอ็มมา แม็กคีย์) สาวพังก์หัวดีเห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวโอทิส จึงชวนให้เขามาเปิดคลินิกให้คำปรึกษาเรื่องเพศด้วยกัน โดยเมฟจะเป็นคนจัดคิว และโอทิสเป็นนักบำบัด

     เรื่องราวใน Sex Education แต่ละตอนดำเนินไปด้วยเคสของคนที่มาปรึกษาโอทิสในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความไม่มั่นใจเวลาอยู่บนเตียง (SS1 EP2 และ SS2 EP3), อาการเหม่อลอยระหว่างมีเซ็กซ์ (SS1 EP4), การช่วยตัวเองของผู้หญิง (SS1 EP6), Kink หรือกิจกรรมทางเพศที่ไม่ตรงตามแบบฉบับ (SS1 EP8) ฯลฯ

     พอทำคลินิกด้วยกันไปเรื่อยๆ โอทิสที่ชื่นชอบเมฟเป็นทุนเดิมก็ยิ่งหลงเธอหนักกว่าเก่า แต่อยู่ดีๆ ‘แจ็กสัน มาร์เค็ตติ’ (รับบทโดย เคดาร์ วิลเลียมส์-สเตอร์ลิง) ประธานนักเรียนพ่วงตำแหน่งนักว่ายน้ำประจำทีมโรงเรียนก็โผล่มาขอฮาวทูจีบเมฟยังไงให้ติด โอทิสเลยแกล้งๆ บอกในสิ่งที่เมฟน่าจะไม่ชอบไปเพื่อหวังให้แจ็กสันหน้าแหก แต่มันไม่เป็นไปตามแผนเพราะเมฟดันตอบตกลง แล้วทั้งคู่ก็กลายเป็นแฟนกัน

     ระหว่างที่โอทิสกำลังชอกช้ำ เขาได้พบกับ ‘โอล่า นีแมน’ (รับบทโดย แพทริเซีย แอลลิสัน) ลูกสาวของช่างซ่อมสารพัดที่มาบ้านบ่อยๆ ทั้งสองคนสานสัมพันธ์จนเกิดเป็นความรักครั้งใหม่ ในช่วงท้ายของซีซั่น 1 ตอนที่ 8 หลังจากจูบกับโอล่าหน้าบ้าน เจ้าหนูของโอทิสก็เกิดปึ๋งปั๋งขึ้นมา และครั้งนี้เองที่เขาสามารถช่วยตัวเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก 

     เมื่อเปิดซีซั่น 2 มาโอทิสก็กลายเป็นไอ้หนุ่มผู้หมกหมุ่นกับการช่วยตัวเองอย่างหนัก ประหนึ่งพรีเซนเตอร์ยูโร่คัสตาร์ดเค้ก เพราะอร่อยทุกที่ทุกเวลา และยังคงใช้ความรู้เรื่องเพศในการดำเนินเรื่องเหมือนเดิม แต่คราวนี้คนที่มาปรึกษาไม่ได้มีแค่นักเรียนแล้ว เพราะขนาดครูยังต้องมาใช้บริการจากปัญหาที่แฟนสาวชอบให้พูดจาลามกเวลามีเซ็กซ์กัน (SS2 EP2)

     กิจการของเขาเป็นไปด้วยดี แต่แล้วโอทิสก็ต้องช็อก เมื่ออยู่ดีๆ จีน แม่ของเขาก็โผล่มาที่โรงเรียนในตำแหน่งที่ปรึกษาหลักสูตรเพศศึกษาประจำโรงเรียน ซึ่งเธอจะคอยให้คำแนะนำปัญหาเรื่องเพศ พูดง่ายๆ คือเหมือนแม่มาเปิดคลินิกอย่างเป็นทางการ ส่วนโอทิสกำลังทำคลินิกเถื่อน 

     ขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของเขากับโอล่า จากที่ดูจะพัฒนาไปได้ด้วยดี โอล่าก็รู้สึกไม่ชอบที่เมฟและโอทิสใกล้ชิดกัน ถ้ามียัยนั่นก็ต้องไม่มีฉัน! หลังจากที่โอทิสคิดอย่างหนัก สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกโอล่าและส่งข้อความหาเมฟว่าจะไม่ไปเจอเธออีก ก่อนที่ต่อมาจะถูกโอล่าบอกเลิกในวันเดียวกัน เรียกได้ว่าจังหวะนรก

     หลังเลิกกับโอล่า โอทิสต้องการแสดงออกว่าเขานั้นสบายดีสุดๆ ด้วยการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ที่บ้าน แต่ ‘เอริค เอฟฟิออง’ (รับบทโดย เอ็นคูติ กัตวา) เพื่อนสนิทสุดซี้ดันไปชวนคนมาทั้งโรงเรียน ทำให้ปาร์ตี้นั้นวุ่นวายสุดๆ โอทิสเมาจนเผลอพูดความในใจที่มีกับเมฟต่อหน้าคนทั้งงาน และตื่นขึ้นมาพบว่าเขาเพิ่งได้กับ ‘รูบี้ แมทธิวส์’ (รับบทโดย มีมี่ คีน) สาวสวยจากกลุ่ม Untouchable (อารมณ์แก๊งมีนเกิร์ลแห่งมัวร์เดล) โอทิสไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนเขาใช้ถุงยางหรือเปล่า ทั้งคู่จึงไปร้านขายยาเพื่อซื้อยาคุมฉุกเฉิน (SS2 EP7) แล้วมานั่งคุยกันต่อ ซึ่งช่วงนี้มีฉากที่โอทิสถามรูบี้เรื่องความยินยอม (consent) ซึ่งเราประทับใจมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทุกคนควรรู้และทำความเข้าก่อนการมีเซ็กซ์ไม่แพ้เรื่องการป้องกันเลย

     ในตอนสุดท้ายของซีซั่น 2 โอทิสเคลียร์ใจกับจีนเรื่องที่เขาทำคลินิกบำบัดทางเพศที่โรงเรียน และส่งข้อความเสียงไปขอโทษเมฟถึงเรื่องที่ผ่านมา พร้อมบอกว่าเขายังชอบเธออยู่ แต่ก็ยังมิวายมีมารผจญคือไอ้หนุ่มข้างบ้านเมฟที่ดูทรงแล้วว่าชอบเธอแน่นอนดันมาได้ยินข้อความนี้ก่อน หมอนั่นเลยจัดการลบซะเลย ทำให้เมฟไม่ทันได้รู้ความในใจของโอทิส และเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อในซีซั่น 3 นั่นเอง

คาบที่ 2: เมฟ ไวลีย์

     เหตุผลที่เมฟเริ่มต้นชักชวนให้โอทิสทำคลินิกก็เพราะเธอร้อนเงิน เธอเติบโตมาในครอบครัวมีปัญหา พ่อทิ้ง แม่ติดยา พี่ชายที่เลี้ยงดูมาก็หายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว แม้ภายนอกเมฟจะดูเป็นผู้หญิงร้ายๆ กร้านโลก และไม่แคร์สายตาชาวบ้าน แต่จริงๆ แล้วภายในเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักเพื่อน 

     อย่างตอนที่มีการส่งต่อรูปหลุดของรูบี้ไปทั่วโรงเรียน (SS1 EP5) แม้รูบี้จะเป็นคู่อริที่มักจะต่อปากต่อคำกับเมฟ แต่เธอก็เต็มใจช่วยตามหาคนที่ปล่อยรูปอย่างเต็มที่ เพราะเมฟรู้ว่าข่าวลือและการถูกประณามจากสังคมสร้างความเจ็บปวดให้คนเราได้แค่ไหน ต่อให้เป็นรูบี้ก็ไม่สมควรโดนแบบนั้น รวมถึงเมฟยังเป็นคนที่ลุกขึ้นยืนพูดต่อหน้าทุกคนในโรงเรียนว่า ‘นั่นคือจิ๊มิของฉันเอง’ (It’s my vagina) และทำให้เกิดซีนเพื่อนหญิงพลังหญิงซึ่งเป็นหนึ่งในฉาก iconic ของซีรีส์เรื่องนี้

     วันหนึ่งอยู่ดีๆ ‘ฌอน ไวลีย์’ พี่ชายของเมฟก็กลับมา ซึ่งตรงกับช่วงงานเต้นรำของโรงเรียนพอดี แล้วสิ่งที่เมฟกลัวก็เป็นจริง เพราะฌอนไม่ได้กลับมามือเปล่า เขาพกยาเสพติดมาขายให้นักเรียนในงาน เมฟยอมรับผิดแทนพี่ชายและถูกไล่ออกจากโรงเรียน คาบเกี่ยวกับช่วงที่เมฟเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเธอไม่ได้ชอบแจ็กสันอย่างคนรัก แต่เป็นโอทิสต่างหาก ทว่าก็ช้าไปก้าวเดียว พอเมฟไปถึงบ้านโอทิสก็เจอภาพบาดตาที่เขากำลังจูบกับโอล่าในตอนสุดท้ายของซีซั่นแรก

     หลังออกจากโรงเรียน เมฟไปทำงานอยู่ในร้านขายเพรตเซล เธอบังเอิญเจอกับ ‘เอริน ไวลีย์’ แม่ของตัวเองที่กำลังบำบัดอาการติดยาผู้มาพร้อมลูกติดกับสามีใหม่ พอได้เห็นชีวิตที่ผิดพลาดของแม่ทำให้เมฟตัดสินใจกลับมาขอเข้าเรียนอีกครั้ง

     แม้จะโตมากับครอบครัวที่ล้มเหลว แต่เมฟนั้นหัวดีอย่าบอกใคร เธออ่านหนังสือหลากหลาย รับจ้างเขียนเรียงความเป็นประจำ ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมแผนการเรียนความถนัด และได้เป็นหนึ่งในทีมควิซเฮด (ตัวแทนโรงเรียน) ไปแข่งตอบปัญหาระดับประเทศ 

     เมฟพาแม่กับน้องคนละพ่อมาอยู่ด้วยกันในรถบ้านคาราวาน เอรินบอกว่าหางานได้แล้วออกไปทำงานทุกเช้า แต่จริงๆ แล้วเธอโกหก เมฟรู้เรื่องนี้จาก ‘ไอแซค กู๊ดวิน’ (รับบทโดย จอร์จ โรบินสัน) เพื่อนบ้านพิการที่อาศัยอยู่กับพี่ชาย ซึ่งน่าจะแอบชอบเธออยู่ และเป็นคนลบข้อความเสียงของโอทิส

     เมฟตัดสินใจโทรแจ้งนักสังคมสงเคราะห์เรื่องที่แม่ยังเสพยาอยู่ เพื่อให้มาพาตัวน้องน้อยไปในที่ที่ปลอดภัย และส่งผลให้ความสัมพันธ์ของเธอกับแม่ดำเนินไปจนถึงจุดแตกหัก 

คาบที่ 3: เอริค เอฟฟิออง

     เอริค เอฟฟิออง เพื่อนสนิทที่สุดของโอทิส เขาเป็นคนยิ้มเก่ง มักปรากฏตัวพร้อมเสื้อผ้าสีสันจัดจ้าน และตกเป็นเป้าหมายที่ถูกอดัมรังแกอยู่บ่อยๆ แม้เอริคจะเติบโตมาในครอบครัวผิวดำที่เคร่งศาสนา แต่เขาก็ภูมิใจและเปิดเผยเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองอย่างเต็มที่ 

     ถึงอย่างนั้น เอริคก็ยังต้องเผชิญกับการดูถูก พูดจาเหยียดเพศ และกลั่นแกล้งสารพัดจากนักเรียนคนอื่น รวมไปถึงคนที่เป็นเกย์เหมือนกันด้วย (SS1 EP2) 

     เอริคกับโอทิสมีประเพณีที่ทำร่วมกันทุกวันเกิดของเอริคคือการแต่งแดรก (Drag) ทว่าวันนั้นดันเป็นวันเดียวกับที่โอทิสเข้าไปพัวพันกับการตามหาคนร้ายที่ปล่อยรูปหลุดของรูบี้ ทำให้เขาไม่ได้ไปร่วมฉลองกับเอริค ขณะเดียวกันเอริคในชุดแดรกแบบเต็มยศนอกจากจะทำกระเป๋าตังค์หายจนต้องเดินกลับแล้ว เขายังถูกทำร้ายจากกลุ่ม Homophobia (คนที่หวาดกลัวคนที่รักเพศเดียวกัน) ด้วย 

     เมื่อโอทิสกลับบ้านมาเจอเอริคก็รีบขอโทษยกใหญ่ แต่พอเอริครู้เหตุผลที่โอทิสเบี้ยวนัดเพราะไปกับเมฟกลับทำให้เขาโกรธหนักกว่าเดิม ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนัก ด้วยความกลัวจากการถูกทำร้าย วันต่อมาเอริคจึงเลิกแต่งตัวด้วยสีสันที่เขาชอบ แล้วเลือกหยิบชุดสีพื้นมาสวมใส่แทน ในซีซั่น 1 ตอนที่ 6 สภาพจิตใจของเอริคพังยับเยินสุดๆ เขาเผลอใช้อารมณ์ต่อยเพื่อนที่เป็นเกย์จนถูกสั่งพักการเรียน

     ทว่าสุดท้ายแล้วเอริคก็ยังคงรักในสิ่งที่ตัวเขาเป็น เขาตัดสินใจลุกขึ้นมาแต่งตัวให้สวยที่สุด เพื่อไปงานเต้นรำของโรงเรียน แต่ก่อนจะได้เข้าไปกับแสงสี กับปีกที่สวยๆ เอริคก็โดนพ่อเรียกซะก่อน (SS1 EP7)

     พ่อ: “เอริค รอก่อน แน่ใจนะว่าอยากเข้าไปในสภาพนั้น”

     เอริค: “แน่ใจ ทำไม ไม่ดีตรงไหน”

     พ่อ: “ตอนที่พ่อมาประเทศนี้ใหม่ๆ พ่อต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำตัวเข้าพวก พ่อไม่อยากให้ลูกเจอสภาพเดียวกัน พ่ออยากให้ลูกภาคภูมิใจและแกร่ง แต่ลูกไม่เหมือนใครจริงๆ มันทำให้พ่อกลัวแทนลูก”

     เอริค: “ความกลัวของพ่อไม่ช่วยผมเลย มันทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอ” 

     พ่อ: “แต่ทำไมต้องเยอะขนาดนี้ด้วย”

     เอริค: “นี่คือตัวผม”

     พ่อ: “พ่อไม่อยากให้ลูกเจ็บตัว”

     เอริค: “ยังไงผมก็เจ็บตัวอยู่ดี เจ็บแต่เป็นตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ”

     อีกทั้งในงานเต้นรำครั้งนี้ เอริคยังได้ปรับความเข้าใจกับโอทิส และได้กลับมาเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิม

     ต่อมาที่พาร์ตความรักกันบ้าง คำว่าผู้ชายยิ่งชอบยิ่งแกล้งอาจจะใช้ได้จริงกับเอริค อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเอริคมักถูกอดัมรังแกอยู่บ่อยๆ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าการแกล้งนั้นคือวิธีเรียกร้องความสนใจในแบบของอดัม วันหนึ่งทั้งสองคนโดนสั่งกักบริเวณร่วมกัน และมีความสัมพันธ์สุดร้อนแรง (SS1 EP8) แต่ยังไม่ทันได้สานต่อว่าระหว่างเรามันคืออะไรกันแน่ อดัมก็โดนพ่อจับย้ายไปโรงเรียนฝึกทหาร

     ในซีซั่น 2 ตอนที่ 1 มีนักเรียนย้ายเข้ามาใหม่ชื่อว่า ‘ราฮีม’ เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจในตัวเอริคจนทั้งคู่ได้ไปเดตกัน และบังเอิญเหลือเกินที่ราฮีมพักอยู่ชั้นบนของร้านขายยาที่อดัมทำงานอยู่

     วันต่อมาเอริคถูกปลุกด้วยเสียงหินที่กระแทกกับหน้าต่าง (ถ้าฉันเป็นเอริคคือจะหยิบไม้ไปตีหัวมันสักรอบ) ซึ่งไอ้หนุ่มคนนั้นก็คืออดัมนั่นเอง อดัมมาชวนเอริคไปเดตด้วยการทำลายข้าวของในโกดังร้าง ก่อนจะลากันไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ในวันเดียวกันนั้นราฮีมก็มาขอเอริคเป็นแฟนพอดี เอ้าพูดออกพร้อมกันว่า ความส๊วยยยย

     หลังจากคิดไม่ตกว่าควรจะทำยังไงดี คนหนึ่งเขาช่างดีกับฉันจะทิ้งเขาลงหรือไง คนหนึ่งเคยทิ้งไปแต่รักไม่เคยจางหาย สุดท้ายเอริคก็เลือก…ราฮีมค่ะทุกท่าน! จากนั้นเอริคก็พยายามไม่สนใจเสียงหินที่มากระทบหน้าต่างอีก

     แต่ แต่ แต่เรื่องมันจะจบง่ายแบบนี้ไม่ได้ เชิญติดตามบทสรุปรักสามเส้าต่อได้ที่คาบที่ 5 

คาบที่ 4: เอมี่ กิบส์

     ‘เอมี่ กิบส์’ (รับบทโดย เอมี่ ลู วูด) คุณหนูบ้านรวยผู้ใสซื่อ หลังจากเลิกรากับอดัม ก็ไปคบกับ ‘สตีฟ มอร์ลีย์’ หนุ่มนักกล้ามหัวดีผู้พยายามใส่ใจความรู้สึกจนเอมี่แปลกใจ เพราะเธอมักจะให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่นมากกว่า จนไม่รู้ว่าตัวเองอยากจะทำอะไรกันแน่ โอทิสจึงแนะนำให้เธอลองช่วยตัวเอง เพื่อเรียนรู้ว่าจุดไหนที่ร่างกายของเธอจะรู้สึกดีที่สุด (SS1 EP6)

     เอมี่เคยเป็นสมาชิกกลุ่ม Untouchable แต่ช่วงท้ายซีซั่น 1 เธอก็เลือกที่จะออกมาเพื่อมายืนหยัดอยู่ข้างเมฟ ซึ่งกลายเป็นเพื่อนรักที่เธอแคร์สุดๆ วันหนึ่งเอมี่ทำเค้กเตรียมไปเซอร์ไพรส์เมฟที่โรงเรียน ระหว่างอยู่บนรถบัสเธอถูกลวนลามจากคนแปลกหน้าด้วยการช่วยตัวเองจนแตกใส่กางเกงของเธอ ด้วยนิสัยซื่อๆ ใสๆ ทำให้เอมี่ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอเรื่องถึงหูเมฟ อีกฝ่ายก็รีบพาเธอไปที่สถานีตำรวจทันที (SS2 EP3) 

     เมื่อเธอกลับมาบ้าน ความกลัวที่ถูกซุกซ่อนไว้ในใจก็ประดังเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เอมี่ร้องไห้ และวันต่อมาเธอก็ไม่สามารถทำใจกลับไปขึ้นรถบัสได้อีก ทั้งยังทำให้เธอกลายเป็นคนกลัวการใกล้ชิดกับผู้ชาย รวมถึงสตีฟแฟนหนุ่มของเธอด้วย

     หลังจากสมุดโน้ตที่บันทึกอาการป่วยของคนไข้ที่มาปรึกษาจีนหลุดออกไปทั่วโรงเรียน (SS2 EP7) มีเด็กมือบอนคนหนึ่งเอาลิปสติกไปเขียนในกระจกห้องน้ำหญิงเรื่องรสนิยมบนเตียงของครูคนหนึ่ง ซึ่งบังเอิญว่าแก๊งสาวๆ ประกอบไปด้วย เมฟ, เอมี่, โอล่า, ‘โอลิเวีย ฮานาน’, ‘ลิลลี่ อีเกิลฮาร์ต’ และ ‘วิเวียน โอดูซานย่า’ เข้ามาในที่เกิดเหตุพอดีเป๊ะ พวกเธอจึงกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้อย่างช่วยไม่ได้ 

     ระหว่างโดนกักบริเวณ ทั้ง 6 คนได้รับโจทย์ให้ค้นหาสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงสามัคคีกัน ตอนแรกเมฟกับโอล่าตีกันเรื่องโอทิส จนกระทั่งเอมี่ที่นั่งเงียบมานานระเบิดออกมา พร้อมเล่าเรื่องที่ไม่กล้าขึ้นรถบัส เพราะคนที่ลวนลามเธอนั้นหน้าตาดูใจดี จนทำให้เธอคิดว่าไม่ว่าใครก็กลายเป็นโรคจิตขี้ชักว่าวได้ จากนั้นสาวๆ ก็ค่อยๆ เผยประสบการณ์ส่วนตัวออกมา

     โอลิเวียถูกจับหน้าอกโดยคนแปลกหน้าที่สถานีรถไฟ จากเหตุการณ์นั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เวลาอยู่ท่ามกลางฝูงชน

     เมฟเคยโดนแซวว่ากางเกงสั้นเกิน เธอจึงกลับบ้านไปตัดให้มันสั้นกว่าเดิม

     ตอนเด็กๆ วิเวียนชอบไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำเทศบาล วันหนึ่งเธอดำลงไปใต้น้ำแล้วเจอพวกขี้โชว์เผยของลับให้ดู จากนั้นแม่ก็ห้ามไม่ให้เธอไปที่นั่นอีก

     ลิลลี่ก็มักเจอพวกชอบโชว์ของตอนเล่นวิดีโอแชตรูเล็ตต์

     ส่วนโอล่าเคยถูกผู้ชายเดินตามหลังเลิกงาน แต่เมื่อเห็นพ่อของเธอเขาก็หนีไป ทำให้โอล่าไม่พอใจว่าทำไมชีวิตของเธอต้องมีผู้ชายอีกคนมาปกป้อง

     สุดท้ายครูก็จับตัวคนผิดได้ ทั้ง 6 สาวจึงพ้นข้อหา แต่พวกเธอก็ยังไม่ได้แยกกันไปไหน หลังจากไประบายอารมณ์ทำลายข้าวของด้วยกันแล้ว เช้าวันต่อมาพวกเธอมาเจอกันที่ป้ายรถบัสและขึ้นรถไปโรงเรียนพร้อมกับเอมี่ กลายเป็นอีกหนึ่งซีนที่แฟนๆ จดจำได้และประทับใจเป็นอย่างมาก 

คาบที่ 5: อดัม กรอฟฟ์

     ตอนที่คบกับเอมี่ อดัมมีปัญหาเรื่องการถึงจุดสุดยอดจนเขาต้องหันไปพึ่งไวอากร้า และกลายเป็นเคสแรกที่โอทิสเข้ามาช่วยบำบัด 

     อดัมเป็นลูกของครูใหญ่ประจำโรงเรียน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ค่อยราบรื่นนัก วันหนึ่งความกดดันที่อดัมแบกรับไว้ก็หนักมากเกินไป เขาจึงระเบิดออกมาใส่พ่อในงานเต้นรำ และกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้อดัมถูกจับไปเข้าโรงเรียนฝึกทหาร

     ที่โรงเรียนใหม่ อดัมยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เขาถูกดุและทำโทษอยู่บ่อยครั้ง ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสองคน ซึ่งภายหลังอดัมบังเอิญไปพบภาพกีฬามันๆ ของทั้งคู่พอดี แม้เขาสัญญาแล้วว่าจะไม่บอกใคร แต่ก็โดนแทงข้างหลังด้วยการแอบเอากัญชาไปซุกไว้ที่เตียงของอดัม ส่งผลให้เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียน

     ครูใหญ่กรอฟฟ์ไปฝากอดัมไว้ที่ร้านขายยาโดยหวังว่าเขาจะไม่สร้างปัญหาอะไรอีก แต่หลังจากอดัมเห็นเอริคอยู่กับราฮีม เขาก็พยายามไปสานสัมพันธ์ที่ค้างไว้ในห้องกักบริเวณเมื่อซีซั่น 1 อีกครั้งตามที่เล่าไว้ในคาบที่ 4 

     ในซีซั่น 2 ตอนที่ 5 อดัมกำลังจะช่วยตัวเอง แต่เขาเลือกไม่ได้ว่าจะมองหน้าอกของหญิงสาว หรือหน้าท้องของชายหนุ่มบนโปสเตอร์ ในตอนต่อมา อดัมได้เจอเอริคอีกครั้งที่งานปาร์ตี้บ้านโอทิส โดยเอริคให้เหตุผลที่เลือกราฮีมเพราะเขาไม่สามารถทนอยู่กับคนที่ทำร้ายจิตใจมาตลอดหลายปีได้ ซึ่งอดัมพยายามอธิบายว่าที่เขาทำไปเพราะเขากลัว เขาคิดว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวล พอเอริคเริ่มอ่อนลงจะยื่นมือไปจับก็โดนปัดอย่างไม่ใยดี สุดท้ายเอริคจึงคิดว่าช่างแม่งละ ก่อนจะจากกันไปในวันนี้จึงฝากข้อคิดไว้ว่า “จะให้ชอบคนที่ไม่รักตัวเองได้ยังไงล่ะ”

     อดัมเจอกับโอล่าที่หนีออกมาจากปาร์ตี้ ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนเพราะทำงานในร้านขายยาเหมือนกัน แล้วก็เป็นโอล่านี่เองที่ยอมรับอดัมในฐานะเพื่อนเป็นคนแรก ทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าและมีตัวตนขึ้นมา

     วันหนึ่งแม่ของอดัมผู้ตัดสินใจว่าจะหย่ากับพ่อก็พูดเตือนสติลูกชายว่า เมื่อเรารักใคร เราต้องแสดงออกให้เขารู้ อดัมจึงสับเท้าสุดพลังไปหาเอริคที่โรงเรียน เขาไปปรากฏตัวบนเวทีงานแสดงละคร และประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่าเขาชอบเอริค ซึ่งก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกันจากอีกฝ่าย เมื่องานแสดงจบลงครอบครัวของเอริคก็ยินดีต้อนรับอดัมเป็นอย่างยิ่ง

คาบที่ 6: แจ็กสัน มาร์เค็ตติ

     เดิมทีแจ็กสันกับเมฟเป็นแค่คู่นอนกัน แต่วันดีคืนดีเขาก็เกิดอยากจริงจังกับเธอขึ้นมา จึงไปปรึกษาโอทิสให้ช่วยบอกวิธีจีบเมฟหน่อย พอตกลงปลงใจเรียบร้อยแจ็กสันก็พยายามพาเมฟไปให้ครอบครัวรู้จัก ซึ่งครอบครัวของแจ็กสันนั้นมีแม่สองคน คนหนึ่งเป็นแม่แท้ๆ ส่วนอีกคนคือแฟนของแม่ผู้เป็นอดีตนักว่ายน้ำ และเป็นคนคอยสนับสนุนให้แจ็กสันก้าวต่อไปในฐานะนักกีฬาอาชีพ

     ความกดดันจากการฝึกที่โรงเรียนและความคาดหวังของแม่ทำให้แจ็กสันสติแตก ช่วงที่ยังคบกับเมฟเขาก็มักจะหนีออกจากบ้านไปอาศัยกับเธอบ่อยๆ พอเลิกกันไป แจ็กสันที่ทั้งอกหักและหมดแพชชั่นก็ตัดสินใจเอามือไปวางบนเครื่องออกกำลังกาย ตู้ม เหล็กหลายสิบโลฯ ทับมือหัก แล้วความปรารถนาก็เป็นจริงเมื่อหมอสั่งให้แจ็กสันพักจากการฝึกซ้อมเป็นเวลาหกสัปดาห์

     ระหว่างพักฟื้นแจ็กสันได้รู้จักกับ ‘วิเวียน’ หรือ ‘วิฟ’ หญิงสาวสุดฉลาดผู้มาเป็นติวเตอร์ด้านการเรียนเฉพาะกิจให้ วิฟเตือนสติแจ็กสันเรื่องการหาแผนสำรองในชีวิตกรณีที่แผนหลักไม่เป็นไปตามหวัง ทำให้แจ็กสันเลือกที่จะไปออดิชั่นละครเวทีเรื่อง โรมิโอกับจูเลียต

     ด้วยความช่วยเหลือของวิฟในการตีความบทละครและอารมณ์ที่แจ็กสันถ่ายทอดออกมาทำให้เขาได้บทโรมิโอไปครอง แต่เรื่องยังไม่จบเพราะเมื่อต้องซ้อมจริงๆ แจ็กสันดันแสดงแข็งเป็นหิน เขาจึงมาขอร้องวิฟให้ช่วยอีกครั้ง แลกกับการที่เขาจะช่วยสร้างโอกาสให้เธอใกล้ชิดกับ ‘เด็กซ์ ผู้ชายในทีมควิซเฮดที่วิฟกำลังแอบชอบ 

     เมื่อวันเวลาผ่านไป แผลของแจ็กสันก็หายดี เขาต้องกลับไปฝึกซ้อมอีกครั้ง แต่คราวนี้จิตใจของแจ็กสันไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาไม่อยากกลับไปจนคิดจะทำร้ายตัวเองอีกครั้ง (SS2 EP6) เมื่อวิฟมาพบก็รีบเข้ามาเตือน แต่แจ็กสันไม่ฟัง เธอจึงไปบอกครอบครัวของเขาด้วยตัวเอง

     ในตอนต่อมาแม่ๆ พยายามจะพาแจ็กสันไปปรึกษาหมอ แต่รถดันยางแบนระหว่างทาง แม่ทั้งสองทะเลาะกันจนแจ็กสันระเบิดออกมาว่าทำไมไม่หย่าให้มันจบๆ ไป พร้อมทั้งพูดคำพูดต้องห้ามออกมาว่า “แม่ที่ไม่ใช่แม่แท้ๆ” ตู้ม ระเบิดเป็นบ่อน้ำตา

     แต่ด้วยคำพูดนั้นทำให้แจ็กสันได้เปิดใจคุยกับแม่อย่างจริงจัง เขาสารภาพออกมาว่าตอนเด็กๆ ที่ชอบไปว่ายน้ำเพราะได้ใช้เวลากับแม่ แต่ตอนนี้เขาไม่ชอบและไม่มีความสุขกับมันอีกต่อไปแล้ว เขาจึงอยากให้แม่เป็นกำลังใจในการค้นหาว่าเขาชอบอะไรต่อไปในอนาคต อีกทั้งยังชวนแม่ไปดูละครเวทีที่เขาเล่นอีกด้วย

     ในวันแสดงละคร ตอนที่จะต้องออกไปเล่น แจ็กสันตัวแข็งทื่อ จนกระทั่งเขาเห็นวิฟในที่นั่งของคนดูจึงผ่อนคลายและแสดงต่อได้จนจบ เมื่อลงจากเวทีทั้งคู่ก็สวมกอดและแสดงความยินดีต่อกันและกันในฐานะเพื่อน

คาบที่ 7: ลิลลี่ อีเกิลฮาร์ต

     ลิลลี่ (รับบทโดย ทันย่า เรย์โนลด์ส) หญิงสาวสุดพิลึกผู้ชอบหนวดปลาหมึกและเอเลี่ยน เธอมีความฝันว่าอยากจะมีเซ็กซ์ก่อนเรียนจบ ถึงขนาดที่เคยดีลกับโอทิสว่าจะมีอะไรกัน แต่สุดท้ายก็ล่ม เพราะโอทิสเป็นลมล้มพับไปก่อน ต่อมาเธอได้เจอกับพ่อหนุ่มที่ดูจะมีไลฟ์สไตล์คล้ายกันในงานเต้นรำ พอบรรลุข้อตกลงเรียบร้อยตอนจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เจ้าโลกของผู้ชายคนนั้นกลับสอดใส่เข้าไปไม่ได้ซะงั้น เธอจึงไปปรึกษาโอทิสว่าควรทำอย่างไรดี

     ปัญหาที่ลิลลี่ประสบเรียกว่าภาวะช่องคลอดหดเกร็ง ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อจิตใจของเจ้าของจิ๊มิยังไม่พร้อมแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ (SS1 EP8) โดยในซีรีส์มีการเผยเหตุผลที่เธออยากมีเซ็กซ์ใจจะขาดเพราะกลัวการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วเธอก็จะกลายเป็นพวกประหลาดที่ยังซิงอยู่ จากนั้นโอทิสก็ให้คำแนะนำว่าแม้บางคนจะมีเซ็กซ์ไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ เรื่องนี้ไม่ใช่การแข่งขัน ทำให้ลิลลี่สบายใจขึ้นมาก

     ในซีซั่น 2 ลิลลี่ได้รู้จักกับโอล่าในฐานะนักเรียนใหม่ พวกเธอสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว ช่วงแรกโอล่ามักจะปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโอทิส แต่ไปๆ มาๆ วันหนึ่งโอล่าก็ฝันถึงลิลลี่บ่อยขึ้น แถมยังฝันในเชิง 18+ ซะด้วย 

     หลังจากเลิกกับโอทิส โอล่าก็มาหาลิลลี่พร้อมสารภาพความในใจ ทีแรกลิลลี่ยังรู้สึกแปลกๆ แต่สุดท้ายเธอก็พบว่าตัวเองก็มีใจให้โอล่าเช่นกัน แล้วทั้งสองคนก็ตกลงเป็นแฟนกัน 

คาบที่ 8: จีน มิลเบิร์น

     หลังจากเลิกรากับ ‘เรมี่ มิลเบิร์น’ สามีคนแรกไปแบบไม่สวยนัก จีนก็ปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิต กระทั่งเธอได้เจอกับ ‘ยาค็อบ นีแมน’ (รับบทโดย มิคาเอล เพอร์สแบรนดท์) ช่างซ่อมสารพัดอย่างที่แวะเวียนมาบ้านเธอบ่อยๆ สุดท้ายทั้งคู่ก็เริ่มมีใจให้กันและเดตกันอย่างเป็นทางการ

     ทว่า ความสัมพันธ์ของจีนและยาค็อบก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่นัก เพราะยาค็อบเป็นพ่อโอล่า แล้วตอนนั้นโอล่าเป็นแฟนโอทิส ทั้งสี่คนจึงอดรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ได้ 

     หลังจากเข้าไปทำหน้าที่นักบำบัดในโรงเรียนมัวร์เดล หนึ่งในผู้มาขอรับคำปรึกษามีนักเรียนหญิงที่ไม่มีความสุขกับการมีเพศสัมพันธ์ แต่ยังอยากมีความรักแบบโรแมนติก เธอกลัวว่าที่เป็นแบบนี้เพราะจิ๊มิของเธอพังไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งจีนก็แนะนำว่าเธออาจจะเป็น Asexual หรือคนที่ไม่ฝักใฝ่ทางเพศ (SS2 EP4)

     จีน: “มันเป็นเพศสภาพของคนที่ไม่รู้สึกชอบคนเพศไหนในทางเพศเลย เซ็กซ์ก็แค่ไม่เวิร์กสำหรับบางคน เพศสภาพลื่นไหลได้ เซ็กซ์ไม่ได้ทำให้เราสมบูรณ์หรอกนะ ดังนั้นเธอจะชำรุดได้ยังไง

     ในตอนเดียวกันนี้ จีนก็ได้รู้จักกับ ‘มัวรีน กรอฟฟ์’ ภรรยาของ ‘ไมเคิล กรอฟฟ์’ ครูใหญ่และแม่ของอดัม มัวรีนมาปรึกษาเรื่องปัญหาความต้องการทางเพศที่ไม่ได้รับการตอบสนอง แม้เธอจะพยายามทำตัวเซ็กซี่ หรือสร้างบรรยากาศ สามีก็ไม่เล่นด้วยเลย จีนจึงแนะนำให้มัวรีนใช้เซ็กซ์ทอย (SS2 EP5) จากนั้นมัวรีนก็ค้นพบสวรรค์และตัดสินใจขอหย่า

     ด้านไมเคิลคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของจีน จึงคิดจะแก้แค้นด้วยการขโมยสมุดบันทึกผลการรักษาออกมาประกาศให้โลกรู้ ซึ่งก็ทำสำเร็จอย่างที่เล่าไปในคาบที่ 4 

     วันหนึ่งเรมี่ อดีตสามีกลับมาที่บ้านเพื่อจะพาโอทิสไปแคมป์ปิ้ง หลังจากจบมื้ออาหาร ด้วยความเมา จีนจึงเผลอตัวไปจูบกับเรมี่ ทำให้วันต่อมาเธอเริ่มสติแตก อะไรที่เป็นยาค็อบดูจะขวางหูขวางตาไปซะหมด สุดท้ายเธอก็ยอมสารภาพเรื่องที่ไปจูบกับสามีเก่า แล้วยาค็อบก็ออกจากบ้านไปแบบไม่พูดอะไรเลย

     ในงานแสดงละครโรงเรียน ด้วยความที่เป็นฝีมือการกำกับของลิลลี่ หญิงสาวผู้หลงรักเอเลี่ยนและเซ็กซ์ ทำให้ผลงานออกมาไม่ถูกใจครูใหญ่อย่างแรง ไมเคิลจึงโยนความผิดทั้งหมดให้จีนที่มาสอนเรื่องเพศให้กับเด็กๆ แต่แล้วโอทิสก็ลุกขึ้นยืนและสารภาพว่าคลินิกบำบัดนั้นเป็นฝีมือของเขาเอง สองแม่ลูกจึงได้เคลียร์ใจกันไป 

     ตอนสุดท้ายของซีซั่น 2 จีนไปหาหมอเพราะรู้สึกหมดแรงและแน่นบริเวณหน้าอกเป็นช่วงๆ ตอนแรกหมอวินิจฉัยว่าเธอน่าจะมีอาการอกหักจากการเลิกรากับยาค็อบ แต่หลังจากตรวจอย่างละเอียดก็พบข้อเท็จจริงเพิ่มว่าจีนกำลังอยู่ในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน และกำลังตั้งครรภ์ (กรี๊ดดดด หมออออ)

     จบลงแล้วสำหรับคลาสเรียนเฉพาะกิจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง 8 คาบนี้จะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจเนื้อเรื่องของ Sex Education ทั้ง 2 ซีซั่นมากยิ่งขึ้น และจะดียิ่งไปอีกถ้าทั้งบทเรียนจาก 8 ตัวละครจะทำให้คุณอยากลองเริ่มดูซีรีส์เรื่องนี้ 

     จะไปไล่ดูสักประเด็นที่เราหยิบยกมาไว้ในบทความ ซึ่งได้วงเล็บบอกตอนไว้เรียบร้อยก็ได้ หรือใครจะอยากสานต่อในซีซั่น 3 เลยก็ย่อมได้เหมือนกัน