HOME AGAIN FASHION
ชวนแต่งตัวตามเทรนด์ชุดอยู่บ้าน (ท่านอย่านิ่งเดี๋ยวเฉาตาย) พร้อมย้อนดูวิวัฒนาการชุดนอนและชุดอยู่บ้านเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
เรื่อง: น้องนอนในห้องลองเสื้อ
ภาพ: NJORVKS
ในช่วงที่น่าหดหู่แบบนี้ ขออภัยที่ยังชวนทุกคนลุกขึ้นมาแต่งตัวแก้เบื่อหน่าย แต่เพราะไม่อยากให้ใครต้องรู้สึกซังกะตายไปมากกว่านี้ เราเชื่อว่าการดูแลและปลอบประโลมตัวเองด้วยร่างกายที่สะอาดและเสื้อผ้าที่สบายนั้นก็น่าจะเป็นตัวช่วยพวกเราในยามนี้ได้ไม่มากก็น้อย
หลังจากติดตามข่าวสารบ้านเมือง สลับกับที่เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เห็นทีจะต้องพับชุดทำงานสวยๆ และชุดไปเที่ยวที่ซื้อสะสม (ในช่วงลดราคา end of season) เก็บเข้าตู้เสื้อผ้าไปอีกสักพัก แล้วเมื่อต้องกลับมาใช้ชุดอยู่บ้าน ชุดนอน และชุดทำงานเป็นชุดเดียวกันอีกครั้ง (ซึ่งครั้งนี้บอกไม่ถูกเลยว่าจะยาวนานไปถึงเมื่อไหร่) อยู่ๆ เราก็สงสัยว่าคนอื่นๆ ในโลกแฟชั่นเขาใส่ชุดอยู่บ้านแบบไหนกันนะ เขาจะเบื่อและคิดไม่ออกเหมือนกันหรือเปล่าว่าวันนี้จะใส่อะไรดี หรือเขามีตารางเสื้อสีมงคลให้เปลี่ยนบรรยากาศเหมือนบ้านเรา?
ค้นไปจนเจอเรื่องราวความเป็นมาของชุดอยู่บ้าน ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ มีที่มาจากดินแดนไหน คนยุคต่างๆ เขาใส่อะไรกัน ชุดนอนไม่ได้นอนจริงไหม ชุดอยู่บ้านใส่ออกจากบ้านได้หรือเปล่า แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้เราไม่อยากเก็บไว้คนเดียวอยู่แล้ว เพราะงั้นคอลัมน์ SOME WEAR ONLY WE KNOW จะมาเล่าทั้งหมดนี้ให้ฟัง แถมชวนส่องเทรนด์ชุดอยู่บ้าน และทำความรู้จักไอเทมและแบรนด์ชุดอยู่บ้านที่น่าสนใจ เผื่อพรุ่งนี้ใครจะสนใจแต่งธีมปาร์ตี้ชุดนอนเป็นเพื่อนกันผ่านโปรแกรม zoom
ก่อนจากกันไป ขอให้ทุกคนไม่เจ็บไม่จน (จากการช้อปปิ้งออนไลน์) มากไปกว่านี้นะคะ ด้วยรักและห่วงใย
อะ ชุดพร้อมแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอไปกักตัวอยู่บ้านเดียวกับเธอได้หรือเปล่า
01
ถ้าใจเราแฟชั่น ต่อให้ใส่ชุดอยู่บ้านทุกวัน ก็เหมือนอยู่บนรันเวย์
หากช่วงที่ผ่านมา คุณมีเส้นทางการเดินจากเตียงไปห้องน้ำ ไปโต๊ะทำงาน ไปครัว วนกลับมาเตียง แล้วไปโต๊ะทำงาน พักกินข้าวที่ห้องครัว ไปห้องน้ำ แล้วกลับมาที่เตียง วนๆ ซ้ำไปมาอย่างนี้ เชื่อว่าเครื่องแบบในช่วงประจำการอยู่บ้านก็คงเวียนซ้ำไม่ต่างกัน ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ ฝ่ายที่ลิดรอนความสุขและความหวังของมวลมนุษยชาติต้องนั่งยิ้มเย้ยแน่ ลุกค่ะทุกคน ลุกมาเปลี่ยนลุกส์ใหม่กัน
โดยนิยามแล้ว ชุดลำลอง ชุดอยู่บ้าน หรือ loungewear (เลานจ์แวร์) เป็นอะไรก็ได้ จะเป็นเสื้อยืดย้วย กางเกงขาสั้น ขายาวทรงไหนก็ตาม เลกกิ้ง เสื้อสเวตเตอร์ หรืออะไรก็ได้ที่ใส่สบาย ไม่ทำให้ดูห่อเหี่ยวและอิดโรย มิกซ์แอนด์แมตช์ในแบบที่ชอบ เหมาะสำหรับใส่อยู่บ้าน ลงไปรับของ หรือเดินไปร้านชำใกล้ๆ นั่นก็คือเลานจ์แวร์ทั้งนั้น
ชุดอยู่บ้านนี่ดูเผินๆ เหมือนเราจะไม่ตั้งใจเลือกมาสวมใส่ใช่ไหม แต่จริงๆ ตั้งใจนะ
เพื่อเพิ่มความสดใส เราไปดูกันว่าเทรนด์ชุดอยู่บ้านประจำปี 2021 มีอะไรกันบ้าง และเราจะแต่งตัวอยู่บ้านกันต่อไปยังไงให้สนุก ไม่เฉาตายไปเสียก่อน
02
ไมใหม่ไม่มั้ยไหม
อยู่บ้านนานไปหน่อย เริ่มพูดจาเลอะเลือน จริงๆ แค่จะเล่าว่าถ้าเป็นเสื้อแบบเลานจ์แวร์ ส่วนใหญ่มักหนีไม่พ้นไหมพรม (แต่บ้านเรามันร้อนอะเนอะ ไหมพรมคงไม่ไหว)
ฝั่งตะวันตกเขาจะอินกับไหมพรมกันมากๆ อาจเพราะเพิ่งผ่านฤดูหนาวมาหย่อนๆ โดยเฉพาะพวกแบรนด์ที่เส้นใยทำจากธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วันนี้จะขอแนะนำให้รู้จัก wol hide เป็นแบรนด์ชุดอยู่บ้านจากฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐฯ ที่เหมือนจะเรียบแต่น่ารักกุ๊งกิ๊ง
นอกจากพวกผ้าที่ใส่สบาย สไตล์ชาวเบสิก ฝั่งตะวันตกยังนิยมพวกเสื้อแบบที่ดูเรียบๆ แต่เท็กซ์เจอร์ของผ้าสนุกอย่างผ้าฟลีซ (fleece ผ้าทอหนานุ่มที่ให้ความอุ่นแต่ก็ระบายอากาศได้ดี) ผ้าเชอร์ปา (sherpa ผ้าหนาที่ทำเลียนแบบขนสัตว์) และผ้าทอแบบขนมวาฟเฟิล (micro waffle) ก็นิยมมากๆ ช่วงนี้ใส่เป็นแนวสตรีทได้ด้วย
แต่ถ้าเป็นบ้านเราคงต้องพึ่งเสื้อพวก AIRism ผ้าเรียบลื่น แห้งเร็วเพราะระบายเหงื่อและความร้อนได้ดี ซึ่งมีอยู่หลายๆ คอลเลกชั่นของ Uniqlo หรือถ้าใครชอบแบรนด์ไทยๆ อย่างห่านคู่ เขาก็มีเสื้อที่มีเทคโนโลยีไมโครพอร์ (micro pore) ที่จัดเรียงเส้นใยเป็นระเบียบ ทำให้เสื้อถ่ายเทอากาศได้ดี) ช่วยคลายร้อน แถมมีหลายสีด้วย
และจะน่ารักขึ้นถ้าเลือกใส่สีเดียว หรือลายเดียวกันทั้งตัว
03
ชุดเซตผ้าไหมพริ้วๆ สีสดใสทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า
พูดถึงไหมพรมก็ต้องมีชุดเสื้อผ้าไหมพริ้วๆ เทรนด์นี้รับรองถูกใจชาว normcore (มาจาก normal + hardcore สไตล์ที่ถือเป็นขั้นกว่าของมินิมอล)
เทรนด์นี้มาแบบเรียบๆ และเงียบๆ (จุ๊ๆๆๆ อย่าเอ็ดไปนะคะ เดี๋ยวฮิตขึ้นมาลำบากต้องหาเสื้อผ้าใหม่) ช่วงหลังเราเห็นแบรนด์มากมายโดยเฉพาะฝั่งสแกนดิเนเวียและเกาหลีใต้ มีเสื้อผ้าคอลเลกชั่นทำจากผ้าเนื้อบางเบาราวกับผ้าไหม จับคู่สีท่อนบนและล่างเป็นสีเดียวกันทั้งชุด น่ารักจับใจ ใครชอบแนวนี้ลองไปตามแบรนด์ LEMAIRE (จากฝรั่งเศส) WOOD WOOD (จากโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก) และ AMOMENTO (จากโซล ประเทศเกาหลีใต้) จริงๆ ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่าควรจะมีติดตู้ไว้ โดยเฉพาะสีสนุกๆ เช่น สีน้ำเงินมาจอแรล (Majorelle Blue) น้ำเงินเฉดสีพิเศษที่มีที่มาจากเมืองในโมร็อกโก จริงๆ ได้ทุกสีเลยนะ สีเบจขาวๆ ยังสวยเลย แต่อาจจะดูผ้าบางและดูเลื่อมๆ ไปบ้าง แต่เชื่อเถอะเทรนด์นี้ไม่มีข้อกังขาเลย ผู้เขียนรักและติดใจเป็นพิเศษ แม้ใส่แล้วคนจะถามว่านี่ใส่ชุดนอนเหรอ
อ๊า ท้าทายอำนาจ แต่ชุดนอนจริงๆ ก็ใส่ออกนอนบ้านได้นะคุณ ถ้าไม่เชื่อคลิกไปรูปต่อไป
04
ชุดนอนไม่ได้นอน เพราะจะไปเที่ยว
HELMSTEDT คือแบรนด์ชุดนอนจากโคเปนเฮเกน ก่อตั้งโดย เอมิลี่ เฮล์มสเตดต์ (Emilie Helmstedt) ศิลปินและนักออกแบบชาวเดนมาร์กเมื่อปี 2018 ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่จับตาในวงการแฟชั่นสุดๆ ทั้งถูกพูดถึงในสื่อหลัก มีแฟนคลับเป็นนางแบบและเซเลบคนดัง และได้รางวัลด้านการออกแบบมามากมาย HELMSTEDT โดดเด่นด้วยการออกแบบลายพิมพ์ผ้าด้วยมือทั้งหมด และยังดูเป็นงานศิลปะมากๆ แถมแบบเสื้อสายชนิดจับทางเดาได้ยาก ทำชุดอะไรมาก็ขายดีไปหมด
แล้วก็คิดถึงชุดนอนแบรนด์อื่นๆ ที่สวยจนใส่ออกจากบ้านได้ ซึ่งนอกจากจะมี Sleepy Jones แบรนด์ชุดนอนคุณภาพดีจากนิวยอร์ก ก็มีแบรนด์ Studio Salt จากโซล ชุดนอนของ Muji และ Uniqlo (ซึ่งกำลังลดราคาด้วยนะทุกคน) และล่าสุดเพิ่งรู้จักแบรนด์ไทยน่าสนับสนุนชื่อ Slip to Sleep ที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจผู้หญิงสุดๆ นอกจากนี้ยังมีชุดจากแบรนด์ที่ทำชุดพิมพ์ลายน่ารักๆ ซึ่งคนชอบเข้าใจว่าเป็นชุดนอน อย่าง Marimekko จากเฮลซิงกิ และ Sretsis แบรนด์ไทยที่เราเห็นอินฟลูเอนเซอร์ฝั่งสแกนดิเนเวียใส่กันเยอะมาก
เป็นชุดที่แค่เห็นก็มีความสุขแล้ว ให้อดนอนก็ยอม
05
ชุดอยู่บ้านกับชุดนอน ชุดอะไรเกิดก่อนกัน
น้อยคนจะรู้ว่า ชุดนอนและชุดอยู่บ้านมีต้นกำเนิดจากอินเดีย มีบทความเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แฟชั่นหลายแห่งเล่าว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อน ชาวตะวันออกนิยมใส่เสื้อผ้าชั้นดีออกจากบ้าน เพื่อแสดงถึงศรัทธาและความเชื่อที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า เช่น ซิกข์ ฮินดู อิสลาม และไม่ว่าจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ เพศอะไร หรือมีสถานะทางสังคมแบบไหน ทุกคนจะมีกางเกงผ้าบางทรงหลวมแบบเรียบๆ ใส่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์เหล่านั้น ว่ากันว่าเป็นกางเกงที่ทำจากผ้าเนื้อเบาสบาย เหมาะใส่ยามอยู่บ้านเป็นที่สุด
ต่อมาในศตวรรษที่ 17 ระหว่างที่ชาติมหาอำนาจในยุโรปเริ่มเดินทางออกล่าอาณานิคมโลกตะวันออก อังกฤษผู้ไม่นิยมหรือมีบันทึกใดๆ เล่าถึงการใส่ชุดนอนมาก่อน ก็ได้นำการแต่งตัวของคนอินเดีย ซึ่งได้แก่ pajamas หรือในภาษาฮินดูคือ paejama ซึ่งแปลว่ากางเกงขายาว กลับไปใช้เป็นชุดนอนสำหรับคุณผู้ชายในอังกฤษ แต่ไม่เป็นที่แพร่หลายนัก จนกระทั่งเข้าสู่ศตวรรษที่ 18 ยุคที่ผู้หญิงในสังคมชั้นสูงเริ่มรู้จักการใส่เสื้อคลุมอยู่บ้านหรือ dressing gown สำหรับรับประทานมื้อเช้า เย็บผ้า และดื่มชากับครอบครัวในตอนบ่าย โดยได้รับอิทธิพลจากเสื้อแจ็กเก็ตตัวหลวมของผู้ชายนั่นเอง
06
‘AT HOME’ FASHION: 1920-1940
แล้วตลอด 100 ปีที่ผ่านมา ชุดอยู่บ้านในโลกตะวันตก เขามีวิวัฒนาการอย่างไรมาดูกัน
1920 เป็นยุคปีที่คนเริ่มรู้จัก pyjamas suit หรือชุดนอนผ้าพริ้วแบบเข้าชุดกันเต็มตัว ซึ่งหากวันนี้ใครคิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศใส่ชุดนอนวินเทจแบบนี้ล่ะก็ นอกจากชุดผ้าพลิ้วทั้งตัว ลองหยิบดอกไม้ดอกโตมาประดับที่อก หรือมีสร้อยคอสักนิดล่ะเยี่ยมเลย
ช่วงยุค 1930 ชุดอยู่บ้านเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและน่าหลงใหล พอๆ กับความสบาย ทั้งจากลวดลายบนผ้าพิมพ์ลาย วัสดุที่ใช้อย่างผ้าซาติน (satin) เนื้อนุ่ม หรือแม้แต่ซิลลูเอทโครงเสื้อผ้า (silhouette) และแบบทรงของชุด ในยุคนั้นสื่อเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของหญิงสาวค่อนข้างมาก เพียงแค่นิตยสาร VOGUE บอกว่า ชุดอยู่บ้านแบบที่มีผ้าผูกเอวจะทำให้คุณดูเดิ้นขึ้น หรือการเปลี่ยนไปใช้ชุดแบบยาว การลดทอนบางสิ่งและเพิ่มบางอย่าง หรือการสร้างเลเยอร์ ก็ทำให้ชุดนอนยิ่งเป็นสิ่งหรูหราทะลุเพดานไปอีก
ต่อมาช่วง 1940 เป็นยุคแห่ง housecoat styles มีการปรับเสื้อคลุมอยู่บ้านให้ร่วมสมัยมากขึ้น ใส่ในชีวิตประจำวันได้แต่ก็ยังดูออกว่าเป็นชุดนอนอยู่ดี
07
‘AT HOME’ FASHION: 1950-2000
ช่วง 1950 เป็นยุคที่สาวๆ เริ่มรู้จัก hostess gown หรือชุดอยู่บ้านสไตล์ราตรี เริ่มมีวัฒนธรรมชวนแขกมากินมื้อเย็นที่บ้าน จึงทำให้ต้องมีชุดอยู่บ้านที่กึ่งๆ รับแขกได้ ยุคนี้คนได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีและการเข้ามาของโทรทัศน์ จึงมีศัพท์ที่เรียกว่า ชุดนั่งดูทีวีหรือ television evening โดยซิลลูเอทที่ได้รับความนิยมมากๆ ในยุคนี้คือ รูปทรงกระโปรงแบบสี่เหลี่ยมคางหมู มาจากทรงของชุดกระโปรงบานที่มักใช้เข็มขัดรัดหรือเข้ารูปตรงเอวคอด ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงปลายของทศวรรษนี้ ในหมู่สาวสังคมชั้นสูง มีเทรนด์แต่งชุดอยู่บ้านให้แมตช์กับเฟอร์นิเจอร์ สีห้อง และพรมแต่งบ้านด้วย
ขณะที่ยุค 1960 เป็นช่วงเวลาที่โลกเกิดการปฏิวัติหลายด้าน แฟชั่นก็เช่นกัน เริ่มมีชุดอยู่บ้านที่โชว์เนื้อหนังมากขึ้น ผู้คนมีอิสระในการแต่งตัวมากขึ้น ทำให้ชุดอยู่บ้านมีให้เลือกมากกว่าช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีเดรสทรงตรง (shift dress) ที่ทั้งใส่สบายและยังช่วยพรางรูปร่าง นอกจากนี้ ตลาดชุดอยู่บ้านยังมีการทำการตลาดใหม่ๆ นำเสนอชุดที่ใส่ได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น เปลี่ยนมาใช้ผ้าคัตตอน (cotton) และผ้าที่ใส่สบายขึ้น เป็นยุคที่ชุดอยู่บ้านเริ่มเป็นกางเกง มีการมิกซ์คู่สีของชุด ด้วยกางเกงสีเข้มและเสื้อสีอ่อนไปทางสดใส เริ่มมีกางเกงขาสั้น หรือขาบานให้เห็น
นอกจากนี้ ช่วง 1960 ยังเป็นยุคที่ชุดนอนและชุดอยู่บ้านได้รับอิทธิพลจากชุดประจำชาติอื่นๆ เช่น เริ่มมีชุดมูมูส์ (muumuus) ชุดกระโปรงตัวหลวมที่มักจะมีสีสันสดใสหรือมีลวดลายสวมใส่โดยเฉพาะ ซึ่งได้อิทธิพลจากชุดอยู่บ้านของผู้หญิงชาวฮาวายและซามัว อีกชุดที่ฮิตมาในยุคนี้คือ ชุดคาฟตาน (caftan) จากตุรกี ที่แบรนด์ Dior นำมาต่อยอดออกแบบเป็นชุดสำหรับใส่พักผ่อนจนสาวๆ ฮิตไปทั้งโลก
จากนั้นในช่วงยุค 1980 ชุดอยู่บ้านเริ่มเป็นชุดออกกำลังกายและชุดจ็อกกิ้งตามกิจกรรมและการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ตามด้วยยุค 1990 โลกเริ่มรู้จักสไตล์มินิมอล อยู่บ้านหรือไปข้างนอกด้วยเลกกิ้งกับเสื้อยืด ขณะที่ยุค 2000 ชุดอยู่บ้านของคนส่วนใหญ่ยังคงเป็นชุดไปยิมแต่มีสไตล์มากขึ้น
08
อยู่บ้านท่านอย่านิ่งเดียวดาย จงออกกำลังกายวันละสามเวลา
แน่นอนว่า ชุดอยู่บ้านสำหรับสายสุขภาพผู้รักการออกกำลังกาย ก็คือชุดกีฬา หรือ activewear ซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นชุดอเนกประสงค์ ใส่ได้ทุกที่พร้อมออกกำลังกายทุกเวลา มีให้เลือกหลากหลาย แม้จะไม่ใช่คนออกกำลังกาย แต่ก็ยอมรับว่าชุดออกกำลังกายสมัยนี้สวยจนอยากลุกไปวิ่งที่สวน แค่ได้ใส่กางเกงสีเขียวอ่อนคอลเล็กชั่นใหม่ของ Nike ก็สบายใจแล้ว
ซึ่งในเทรนด์ชุดอยู่บ้าน เราก็อยากพูดถึงชุดวอร์มและชุดออกกำลังกายที่ใส่เข้าชุดกัน ในสไตล์วินเทจ เราจะเห็นได้จากหลากหลายแบรนด์ช่วงนี้ เช่น Lacoste แบรนด์จากฝรั่งเศส ที่ช่วงหลังมานี้ท็อปฟอร์มสุดๆ ในเรื่องความน่ารัก ไม่เชื่อไปดู!!
ส่วนใครที่ชอบใส่ชุดวอร์มเป็นชุดอยู่บ้าน โปรดช่วยแนะนำแบรนด์น่ารักๆ ให้นักกีฬามือใหม่คนนี้ด้วยนะคะ พอดีเป็นคนที่ถูกขับเคลื่อนง่ายด้วยชุดที่สวมใส่
09
บ็อกไม่เซอร์เลยเจอรัก
สำหรับใครที่ชอบใส่กางเกงบ็อกเซอร์ (Boxer shorts) อยู่บ้าน ยินดีด้วยค่ะ คุณกำลังอินเทรนด์มากๆ
ที่ตาเป็นประกายขนาดนี้เพราะไปเจอถุงเท้าและกางเกงบ็อกเซอร์ของแบรนด์ Comme Si จากอิตาลีที่ สค.มากๆ ย่อมาจาก สุดคราฟต์และสีคิ้วท์ ซึ่งจริงๆ แบรนด์มันเรียบง่ายมากๆ นะ เราชอบคู่สีที่เขาเสนอในแต่ละซีซั่น เพราะน่ารักมากระดับจักรวาล ยิ่งภาพที่ตั้งใจถ่ายสุดๆ โอโฮ เอาเงินไป!!!! ขอยอมทำงานอยู่บ้านด้วยบ็อกเซอร์กับเสื้อเชิ้ตเลย แล้วพอถึงเวลาประชุมก็ใส่เบลเซอร์ทับไม่มีใครจับได้
10
ชุดนอนไม่ได้นอนของราชินีและเจ้าหญิงแห่งวงการออกแบบ
อย่างไรก็ดี ปี 2021 แล้ว เส้นที่กั้นระหว่างชุดนอนกับชุดอยู่บ้าน ไปจนถึงเส้นที่ขีดบอกว่าสไตล์ไหนกับสไตล์นั้นบางไปจนแทบจะเป็นเรื่องเดียวกัน เหตุผลที่หมั่นหยิบเรื่องแฟชั่นมาเล่าสนุกๆ ก็เพราะเชื่ออยู่เต็มอกว่าไม่มีถูกหรือผิดในการแต่งตัว อะไรก็ใส่อยู่บ้าน และอะไรก็ใส่ไปข้างนอกได้ อย่าได้แคร์ว่าชุดอยู่บ้านต้องใส่อยู่บ้านอย่างเดียว
มีคนคนหนึ่งเคยทำให้ชุดนอนหรือชุดอยู่บ้านกลายเป็นแฟชั่นระดับที่สาวๆ ทั้งโลกจับตามาแล้ว เธอคนนั้นคือ กาเบรียล โคโค ชาแนล (Gabrielle Coco Chanel)
ในยุคที่ไม่มีใครยอมใส่กางเกงนอนออกมาเดินเล่นนอกบ้าน วันหนึ่งในปี 1918 หญิงสาวหัวก้าวหน้า นักออกแบบ และเจ้าของแบรนด์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสไปทะเลด้วยเสื้อแขนกุดกับกางเกงขายาวทรงหลวมตัวโคร่ง หรือ beach pyjamas สร้างความฮือฮา กรี๊ดกร๊าด และเป็นที่ต้องการในหมู่สาวสังคมชั้นสูง และไม่ใช่กางเกงเท่านั้นที่เป็นดาวเด่น แต่ที่พักรีสอร์ตในย่านนั้นต่างก็หันมาทำโฆษณาดึงดูดแฟชั่นนิสต้า จนมีแต่คนใส่กางเกงขายาวผ้าพลิ้วแหวกขนบเต็มหาด ก่อนจะข้ามน้ำข้ามทะเลดังไกลไปถึงสหราชอาณาจักร ซึ่งกระแสของ beach pyjamas ขยายและเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ ไปสักพักจนกระทั่งการเข้ามาของชุดว่ายน้ำน้อยชิ้นในช่วงยุค 1940
นอกจาก beach pyjamas ที่ได้แรงบันดาลใจจากกางเกงชุดนอนแล้ว ในยุค 1960 โลกแฟชั่นได้รู้จักกับกางเกงชุดนอนปาลัซโซ หรือ palazzo pyjamas ผลงานของ ไอรีน กาลิตซีน (Irene Galitzine) นักออกแบบชาวอิตาลี ผู้มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าหญิงรัสเซีย-จอร์เจีย ซึ่งออกแบบชุดนอนยามเย็นให้เป็นกางเกงราตรีขากว้างที่ทำจากผ้าไหมเนื้อนุ่ม อันเป็นผลงานสร้างชื่อให้แก่เธอและห้องเสื้อของเธอ จนมีลูกค้าเป็นนักแสดงและบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย (ว้าว น่าสนใจ)
11
ใส่ชุดอยู่บ้านทำอะไรกันคะ (10 คะแนน)
แม้ว่าช่วงนี้จะต้องงดออกไปข้างนอกบ้านนานหน่อย แต่เราก็อยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาแต่งตัวอยู่บ้านกันให้สนุก เผื่อจะแก้เครียดได้บ้าง ว่าแต่ว่า นอกจากทำงานและใช้ชีวิต ทุกคนใส่ชุดอยู่บ้านทำอะไรกันบ้างนะ จะเหงาเหมือนกันหรือเปล่า
แหม เข้าสู่ช่วงขายของเสียทีนะคะ อยู่บ้านยาวๆ แบบนี้น่าจะมีหนังสือเป็นเพื่อนคู่ใจสักชุดนะคะ ก่อนอื่นต้องมีหนังสือ ‘ห้องลองเสื้อ’ โดย ‘น้องนอนในห้องลองเสื้อ’ (อุ๊ย ลิงก์หล่น https://store.minimore.com/salmonbooks/items/fitting-room) และขอฝากหนังสือปกใหม่จากสำนักพิมพ์แซลมอนทั้ง 6 เล่มไว้ในอ้อมใจด้วย สั่งซื้อทางออนไลน์ได้เลย (อุ๊ย ลิงก์หล่นอีกรอบ https://store.minimore.com/salmonbooks) แล้วนอนรอหนังสือจัดส่งถึงบ้าน (ว้าว!! ในที่สุดก็มีเรื่องให้ได้ใช้ชุดคลุมอยู่บ้านสำหรับใส่อ่านหนังสือแล้ว)
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้า
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ด้วยความรักและปรารถนาดี
อ้างอิง:
• lifesavvy.com/30191/life-before-loungewear-the-history-of-what-people-wore-at-home/
• wnpr.org/post/dressing-gowns-loungewear-old
• bbc.com/news/magazine-35427892
• dustyoldthing.com/womens-loungewear-history/
• thevintagewomanmagazine.com/vintage-loungewear-retrospective/
• newandlingwood.com/the-editorial/post/mens-loungewear-brief-history
• refinery29.com/en-ca/2021/01/10265232/best-sweatpants-trends-tie-dye-sherpa
• irenebrination.com/irenebrination_notes_on_a/2020/05/palazzo-pyjamas-60.html