Thu 27 May 2021

I TOLD SUNSET ABOUT YOU

ย้อนสรุปเส้นทางความรักของเต๋และโอ้เอ๋ว ก่อนไปดู ‘แปลรักฉันด้วยใจเธอ Part 2’

ภาพ: ms.midsummer

บทความนี้มีการเผยแพร่เนื้อหาของซีรีส์

     เราได้ยินชื่อซีรีส์ แปลรักฉันด้วยใจเธอ (I Told Sunset About You) ครั้งแรกจากน้องสาว เพราะมันบอกว่าเพลงประกอบละครเรื่องนี้เหมาะกับสถานการณ์ในชีวิตของตัวเองเหลือเกิน 

     เนื้อเพลงเล่าประมาณไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรมากีดกัน จะเป็นภูเขา ทะเล หรือแผ่นฟ้า ก็จะฟันฝ่าไปให้ได้ เหมือนกับตัวมันที่ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ก็จะหาทางไปหามินกยู (ไอดอลเกาหลีวง SEVENTEEN) ให้จงได้ในสักวัน 

     เราฟังแล้วก็ขำๆ โดยไม่คิดเลยว่าเดือนต่อมาตัวเองจะอินกับเพลงนี้ไม่ต่างกัน…

     หลังจากออกฉายตอนแรกเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2020 แฮชแท็กของซีรีส์ก็พุ่งทะยานสู่อันดับต้นๆ ในทวิตเตอร์ ทั้งไทม์ไลน์พร้อมใจกันแคปฉากต่างๆ มาหวีดและวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง เราจึงอดใจไม่ไหวต้องเข้าร่วมตามกระแสสังคมทันที

     ตอนแรกเราเข้าใจว่า แปลรักฉันด้วยใจเธอ เป็นซีรีส์วายที่ขายโมเมนต์นักแสดงนำเป็นหลัก แต่ทางด้านผู้กำกับ (บอส—นฤเบศ กูโน) เล่าในหลายๆ สื่อว่า ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติกแบบ Coming of Age ที่จะบอกเล่าเรื่องของกลุ่ม LGBTQ+ ที่ต้องเจอในชีวิตจริงมากกว่า

     นอกจากงานภาพที่สวยละมุนตาจนทำให้อยากจองตั๋วไปภูเก็ตทุกครั้งที่ดู เพลงประกอบและสกอร์ที่เติมเต็มเรื่องราวแล้ว สิ่งที่เราประทับใจที่สุดคือความสัมพันธ์ของตัวละครหลักอย่าง ‘เต๋’ และ ‘โอ้เอ๋ว’ เด็กวัยรุ่นผู้ชายสองคนที่พยายามจะเรียนรู้ เติบโต และก้าวข้ามผ่านกรอบขนบของสังคมไปด้วยกัน 

     หลังดูจบทั้ง 5 ตอน เราพูดได้อย่างเต็มปากว่านี่คือซีรีส์ Coming of Age อย่างแท้จริง

     และหลังดูจบทั้ง 5 ตอน เราก็ต้องกรี๊ดออกมาเพราะเขาจะมีพาร์ตสองจ้า! (กรี๊ดดดด)

     หากใครกายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ เราอยากชวนให้ดูพาร์ตแรกด้วยตัวเองจริงๆ แต่ถ้าใจพร้อมแล้วเวลาไม่พร้อม มาเลยค่ะ SKIP INTRO ตอนนี้จะมาเล่าเรื่องทั้งหมดแบบเก็บครบทุกประเด็นสำคัญ รับรองว่าเริ่มดูพาร์ตสองได้เข้าใจแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!

Title: แปลรักฉันด้วยใจเธอ (I Told Sunset About You)
Year: 2020
Genre: Romantic, Coming of Age
Episode: 5
Available on: LINE TV

EP 1
ศัตรู

     ‘เต๋’ (บิวกิ้น—พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) ไปสอบตรงเข้าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอนันตศาสตร์ ที่นั่นเขาได้เจอกับ ‘โอ้เอ๋ว’ (พีพี—กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) ที่มาสอบคณะเดียวกัน ก่อนที่เรื่องราวจะแฟลชแบล็กกลับไปในช่วง ม.ต้นว่าจริงๆ แล้วทั้งสองคนเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน 

     เต๋รู้ว่าตัวเองชอบการแสดง ขณะที่โอ้เอ๋วยังค้นหาตัวเองไม่เจอ แต่ก็มักจะมาเป็นเป็นคู่ซ้อมการแสดงในเรื่อง กระบี่เย้ยจันทรา (ดัดแปลงมาจาก กระบี่เย้ยยุทธจักร ของ กิมย้ง) ให้เต๋ที่สวมบทหยงเจี้ยนเสมอ

     วันหนึ่งโรงเรียนจะจัดการแสดงชุด กระบี่เย้ยจันทรา ที่ศาลเจ้า แล้วอยู่ๆ โอ้เอ๋วถูกเลือกให้รับบทหยงเจี้ยน แม้ในใจเต๋จะเสียดายที่ตัวเขาเองไม่ได้เล่นอะไร แต่เพราะรักเพื่อนจึงพร้อมสนับสนุนเต็มที่ด้วยการเป็นคู่ซ้อมยันบอกบทอยู่หลังฉาก หลังการแสดงจบ จากเดิมที่โอ้เอ๋วบอกว่าไม่มีความฝัน เขามาบอกกับเต๋ว่าอยากเป็นนักแสดง ทำให้เต๋โกรธมาก เพราะรู้สึกถูกหักหลัง มีฉากปะทะกันทางอารมณ์เกิดขึ้น ทั้งคู่คิดว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ต่างฝ่ายก็คงหายโกรธ แต่กลายเป็นว่าไม่มีใครพูดขึ้นมาก่อน ทั้งสองจึงค่อยๆ ห่างกัน พอ ม.ปลายเต๋ก็ย้ายไปโรงเรียนประจำจังหวัด

     ที่โรงเรียนใหม่ เต๋ได้พบกับ ‘ตาล’ (สมายด์—ภาลฎา ฐิตะวชิระ) และตามจีบมานานหลายปี เอาจริงตาลก็มีใจแหละ แต่เป็นประเภทขอสอบให้ติดก่อนแล้วค่อยมีแฟน 

     ในเทอมสุดท้ายของชีวิตมัธยมปลาย เต๋ไปเรียนพิเศษวิชาภาษาจีนที่โรงเรียนฟูหนานเหล่าซือกับแก๊งเพื่อน ม.ต้น เขาและโอ้เอ๋วจึงกลับมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง เต๋เติบโตมาในครอบครัวที่พูดจีนกันเป็นเรื่องปกติเลยพอจะเชี่ยวชาญอยู่บ้าง ขณะที่ความรู้ด้านภาษาจีนของโอ้เอ๋วคือระดับบีกินเนอร์ เต๋เห็นคะแนนสอบพรีเทสต์ภาษาจีนอันน้อยนิดของโอ้เอ๋วแล้วรู้สึกสะใจมาก จากนั้นเต๋จึงหมายหัวโอ้เอ๋วเป็นศัตรูหมายเลข 1 พูดจาดูถูกต่อหน้าเพื่อนๆ และยังไปพูดลับหลังอีกว่าไม่อยากเห็นโอ้เอ๋วสอบติด (มันจะแค้นอะไรขนาดนั้นเนี่ยพ่อคุณ)

     หลังจากนั้นผลสอบรอบรับตรงออกมา เต๋สอบติดตัวจริง แต่โอ้เอ๋วได้สำรองอันดับหนึ่ง

     โอ้เอ๋วเสียใจหนักมาก เพราะรู้ว่าถ้าไม่ติดรอบนี้ รอบแอดมิชชั่นนั้นยากยิ่งกว่า พอเห็นน้ำตาของโอ้เอ๋วที่ไหลเป็นน้ำตก เต๋จึงได้สติว่าที่ผ่านมาตัวเองทำตัวไม่มีเหตุผลขนาดไหน (สักที!) สุดท้ายหลังจากผ่านมาหลายปี เต๋ก็เป็นฝ่ายพูดขอโทษโอ้เอ๋วก่อน และอาสาจะติวภาษาจีนให้เป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้โอ้เอ๋วได้คะแนนดีๆ และหวังให้พวกเขากลับมาสนิทกันดังเดิม

EP 2
เพื่อน

     โอ้เอ๋วไปติวหนังสือที่บ้านเต๋แทบทุกเย็น ขณะเดียวกันเต๋ก็ต้องแบ่งเวลาไปอยู่กับตาลบ้าง ในตอนนี้มีซีนสำคัญคือเสื้อในลายดอกชบาสีม่วงของตาลมันวับๆ แวมๆ ออกมาจนเต๋เผลอไปมอง (จำคีย์เวิร์ดชบาไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวมีเฉลยตอนท้าย)

     พอเต๋กับโอ้เอ๋วได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ความเชื่อใจที่เคยหายไปก็ค่อยๆ กลับมา แต่เต๋ยังไม่พอใจ เต๋ต้องการเป็นเพื่อนสนิทนัมเบอร์วันเท่านั้น โอ้เอ๋วเห็นเต๋นอยด์เลยง้อด้วยการบอกความลับสุดยอดว่าเขากำลังแอบชอบบาส (ขุนพล—ปองพล ปัญญามิตร) เพื่อนในกลุ่มที่เพิ่งเข้ามาตอน ม.ปลาย

     เต๋ตื่นเต้นกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมากจนอาสามารับบทเป็นกูรูความรัก แนะนำวิธีการต่างๆ ให้โอ้เอ๋วได้ใกล้ชิดกับบาสมากขึ้น โอ้เอ๋วอยากรีบทำแต้มเลยชวนบาสมาติวหนังสือด้วยกัน แต่เต๋ไม่อยากเข้าไปขวางเลยให้ไปติวกันสองคน 

     ระหว่างที่โอ้เอ๋วอยู่กับบาส เต๋ก็ไปนั่งเฝ้าตาลวาดรูป (ตาลอยากเข้าคณะสถาปัตย์) จิตใจก็ร้อนรน เขาจะติวกันไปถึงไหนนะ โอ๊ย เครียด เต๋พยายามเบนความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ตาล แล้วก็สกินชิพไปมาจนได้คิสซีนมาหนึ่งฉาก

     วันต่อมาเต๋กลายเป็นอีเต๋ อยู่ดีๆ ก็ไม่ทักโอ้เอ๋ว ทำตัวหมางเมิน ห่างเหิน โอ้เอ๋วก็งงหนึ่ง เป็นไรอะแก แต่สุดท้ายเต๋ก็ทนที่จะไม่เจอเขาไม่ได้ เลยไปดักรอบนเรือที่โอ้เอ๋วจะนั่งกลับบ้าน (ครอบครัวโอ้เอ๋วทำรีสอร์ตอยู่อีกเกาะ) และได้ปรับความเข้าใจกันบนเรือ 

“กูรู้แหละว่ามึงกำลังจะมีแฟน แต่อย่าเอาเวลาของกูอะ ไปให้คนอื่น”

“มึงก็เหมือนกัน อย่าเอาเวลาของกูอะ ไปให้คนอื่น”

     เดิมทีเต๋เกลียดมะพร้าวมาก แต่โอ้เอ๋วคือมนุษย์ที่ชอบมะพร้าว เช่น แชมพูสูตรมะพร้าว ปากการูปมะพร้าว พอคืนดีกันแล้วก็เล่นแบบถึงเนื้อถึงตัวกันไปมา เต๋ได้หอมหัวโอ้เอ๋วหนึ่งรอบแล้วประหลาดใจว่าทำไมมะพร้าวหอมจัง (โอ๊ยพ่อคุ๊ณ คนเขาดูออกกันหมดแล้วจ้า)

EP 3
เพื่อนสนิท

     ในตอนนี้มีการเล่าว่าเต๋ยังคงติดต่อกับตาลเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแสดงให้เห็นต่อหน้าเพื่อนๆ ในแก๊ง ทำให้โอ้เอ๋วรู้สึกสับสนในใจ พอถึงวันที่ทุกคนจะมาติวภาษาจีนกันที่รีสอร์ต โอ้เอ๋วจึงทำตัวสนิทสนมกับบาสมากเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไง โอ้เอ๋วก็รู้ว่าหัวใจตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว

     ตอนดึกโอ้เอ๋วออกมาเจอเต๋ที่ห้องนั่งเล่น ยังไม่ทันมีฉากหวาน เพื่อนก็พากันออกมานั่งเต็มไปหมดราวกับรู้คิว ทั้งสองจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นริมหาดด้วยกัน เต๋และโอ้เอ๋วหยิบดอกชบาสีแดงมาทัดหูให้กันและกัน ก่อนจะไปนอนเล่นกันบนเปล

     และโอ้เอ๋วก็สารภาพรักกับเต๋ตรงนั้น 

     เมื่อได้รู้ความในใจของโอ้เอ๋ว เต๋ก็ว้าวุ่นอย่างหนัก พอกลับมาบ้านก็ไม่ยอมไปเจอตาลตามนัด เต๋ออกจากบ้านไปหาดที่ชอบไปและบังเอิญเจอกับโอ้เอ๋วที่นั่น เล่นวิ่งไล่จับกันสักพักก็มาถึงซีนเปิดใจ โอ้เอ๋วรู้ว่าเต๋คิดมากกับสิ่งที่เขาพูดไปที่รีสอร์ต แต่ก็รู้อีกแหละว่าเต๋ก็ชอบตัวเองเหมือนกัน

“จะไปคิดมากทำไม ช่างมันเหอะ อยากทำไรก็ทำดิ 

ไม่ต้องหาคำตอบแล้ว ถ้ามันไม่มีคำตอบอะ”

     จากนั้นทั้งสองก็ไปเที่ยวเล่นในเมืองภูเก็ตด้วยกัน โอ้เอ๋วไปไหว้ศาลเจ้าพร้อมบนว่าถ้าสอบติดคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอนันตศาสตร์จะวิ่งแก้บนจากหน้าบ้านเต๋ไปถึงปลายแหลมพรหมเทพให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตกดิน 

     วันเดียวกันนี้พวกเขาก็เลยลองวิ่งมันดูซะเลยว่าจะทำได้มั้ย แต่ไม่ทัน พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ทั้งคู่เลยมานั่งคุยเล่นแล้วเต๋ก็ร้องเพลงประกอบเรื่อง กระบี่เย้ยจันทรา ออกมา พอโอ้เอ๋วถามว่าเนื้อเพลงแปลว่าอะไร เต๋จึงสลับให้โอ้เอ๋วเป็นคนร้องแล้วตัวเองเป็นคนแปล ซึ่งจริงๆ เพลงนั้นก็คือเพลง 如何 (หรูเหอ) หรือเพลง กีดกัน เวอร์ชั่นภาษาจีนนั่นเอง

     ต่อมาเต๋กับโอ้เอ๋วก็กลับมาดู กระบี่เย้ยจันทรา กันที่บ้านแล้วมีความรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งได้ใกล้ชิด ได้สัมผัส ก็กลายเป็นความรู้สึกทางเพศขึ้นมา

     นัวกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่พอเต๋เลื่อนมือไปถึงหน้าอกก็รู้ว่าคนที่กำลังกอดอยู่ไม่ใช่ผู้หญิงเลยตกใจและผลักโอ้เอ๋วออก 

EP 4
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

     วันต่อมาทั้งคู่กลับมาทำตัวเหมือนปกติ ซึ่งจริงๆ ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันจะไปปกติได้ยังไง!

     แล้วดันเป็นวันเดียวกับที่พี่ชายเต๋พาแฟนสาวชาวญี่ปุ่นมาเปิดตัวกับที่บ้าน ด้านแม่ของเต๋ก็ดูปลื้มใจกับว่าที่สะใภ้สาวแบบสุดๆ แถมยังทิ้งระเบิดต่อหน้าโอ้เอ๋วด้วยการถามว่าเมื่อไหร่เต๋จะคบกับตาล

     เอาจริงในใจเต๋ก็เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองน่าจะชอบผู้ชาย ขนาดไปหาตาลก็ยังรู้สึกไม่เหมือนเดิม ขณะเดียวกันความไม่ชัดเจนสักทีก็ทำให้โอ้เอ๋วค่อยๆ ตีตัวออกห่างแถมยังไม่มีกระจิตกระใจจะตั้งใจเรียนภาษาจีนอีก

     ถ้าคะแนนสับสนเต็ม 100 เต๋ต้องได้ 101 เพราะสับสนเหลือเกิน

     แต่สับสนขนาดไหนก็ยังเป็นห่วงโอ้เอ๋ว กลัวว่าเขาจะสอบไม่ติด เต๋เลยทำสมุดสำนวนจีนขึ้นมา (เอาจริงนะเต๋ ไปเอาดีด้านการทำภาพคอลลาจก็เวิร์กอยู่นะ) แต่พอไปถึงหน้าบ้านโอ้เอ๋วก็ไม่กล้าเอาเข้าไปให้ด้วยตัวเอง ยืนชะเง้ออยู่หน้าบ้าน อยากจะเห็นแม้ปลายผมสิบห้าเซนฯ ก็ยังดี 

     พอโอ้เอ๋วเห็นสมุดที่เต๋ทำให้ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งในใจและเป็นฝ่ายเดินมาหาเต๋เอง ก่อนจะไปกอดกันที่ใต้บันได แม้จะไม่ได้พูดคำว่ารักแต่การแสดงออกของทั้งคู่ก็ทำให้คนดูรู้ว่ารักและคิดถึงกันมากแค่ไหน

     จากนั้นทั้งสองคนก็ไปเล่นน้ำกัน โอ้เอ๋วดึงเต๋ลงไปใต้น้ำ แล้วก็บังเกิดซีนในตำนาน!

     ตรงนี้ขอคารวะทีมงานผู้ผลิตซีรีส์เรื่องนี้เลย นอกจากความยากทางเทคนิคแล้ว การจูบใต้น้ำเป็นสัญญะที่สำคัญของเรื่องนี้มาก เพราะมันคือโลกอีกใบที่ไม่มีใครจะมาตัดสินว่าสิ่งไหนถูกหรือผิด เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทั้งเต๋และโอ้เอ๋ว

     แล้วพอขึ้นจากน้ำโอ้เอ๋วก็ถามถึงความชัดเจน ทว่าเต๋กลายร่างเป็นอีเต๋อีกครั้ง

“กูขอโทษ กูจะไม่ทำแบบนี้แล้ว”

“มึงก็รู้สึก ทำไมอะ กูผิดอะไร ไม่เอาแบบนี้ได้มั้ย ขอร้องได้มั้ย”

“เดี๋ยววันนึงกูก็เลิกรู้สึกกับมึงอยู่ดี”

     โอ้เอ๋วร้องไห้หนักมาก เอาจริงเป็นใครก็เสียใจปะ ทำขนาดนี้แล้วมาบอกว่าเพื่อนกัน ไปเล่นตรงนู้นนะอีเต๋ และในเมื่ออยากเลิกรู้สึกมาก โอ้เอ๋วก็ขอให้เต๋เลิกรู้สึกมันตั้งแต่วันนี้เลยแล้วกัน พอเต๋ได้ยินแบบนั้นเหมือนหัวใจโดนทุบแตกเป็นเสี่ยง พอกลับฝั่งก็ทำไรไม่ได้ เหมือนสมองไม่สั่งการ เลยโทรเรียกพี่ชายมารับแล้วก็นั่งร้องไห้บนซาเล้ง

     หลังเหตุการณ์นั้นโอ้เอ๋วรู้สึกแย่กับตัวเองมาก เหมือนว่าเต๋ไม่ยอมรับเพราะโอ้เอ๋วเป็นผู้ชาย จึงไปหยิบบราสีแดงมาใส่ถ่ายลงอินสตาแกรม แต่พอเห็นภาพตัวเองในกระจกก็รู้ว่านี่มันไม่ใช่ตัวตนของโอ้เอ๋วเลย และร้องไห้อีกหนึ่งยก 

     ทางด้านเต๋ก็ยังว้าวุ่นกลุ้มใจสับสนไปหมด กลางดึกบึ่งรถไปบ้านตาล เพื่อยืนยันว่าตัวเองยังชอบผู้หญิงอยู่ ซึ่งก็ไม่สำเร็จ เหมือนยิ่งตอกย้ำว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับตาลอีกต่อไป

     ขณะที่โอ้เอ๋วก็หมดแพสชั่นจะเรียนแล้ว ถึงขนาดที่จะไม่ไปสอบแอดมิชชั่น เพื่อนทุกคนเป็นห่วงมาก แต่รู้ว่าพูดไปก็ทำอะไรไม่ได้ แก๊งเพื่อนจึงไปขอให้เต๋ช่วยโน้มน้าวให้โอ้เอ๋วกลับมาเรียนในวันที่เต๋จะไปยืนยันสิทธิรอบรับตรงพอดี

     เต๋จำได้ว่าโอ้เอ๋วได้สำรองอันดับหนึ่ง ถ้ามีใครสักคนสละสิทธิก็จะได้เข้าเรียนทันที เต๋จึงตัดสินใจทำในสิ่งที่รู้แหละว่าตัวเองต้องเสียใจ แต่มันเป็นทางเดียวที่แสดงออกว่าเขารักโอ้เอ๋วมากแค่ไหน

     เต๋ยอมสละสิทธิรอบรับตรงของตัวเองให้โอ้เอ๋ว

     ด้านโอ้เอ๋วก็ตกใจและดีใจสุดขั้วเมื่อมหาวิทยาลัยโทรมาบอกว่าเขาได้เลื่อนสิทธิเป็นตัวจริงแล้ว แต่จู่ๆ ก็ฉุกคิดว่าใครมันจะสละสิทธิให้ เลยโทรไปหาตาล เย็นวันนั้นตาลก็ไปโผล่บ้านเต๋เลยจ้ะ เค้นจนรู้ว่าเป็นเต๋นี่เองที่สละสิทธิให้ ดราม่าครอบครัวยังไม่ทันจบ ดราม่าคู่รักก็เข้ามาแทรก

     หลังจากโอ้เอ๋วรู้ว่าเป็นฝีมือของเต๋ก็ตัดสินใจว่าจะไม่เอาและจะไปสู้ในรอบแอดมิชชั่น เต๋ทั้งโกรธและเสียใจ เตรียมกลับไปเป็นเหมือนวันแรกที่เจอกันอีกรอบ หมายหัวเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง แต่พอเปิดอ่านหนังสือภาษาจีนก็เห็นร่องรอยที่ถูกตัดไปทำสมุดสำนวนให้โอ้เอ๋ว

     ก่อนที่เต๋จะรู้ตัว ทั้งความรู้ ตำแหน่งตัวจริง และหัวใจ เขาก็ยกให้โอ้เอ๋วไปหมดแล้ว

EP 5
อยากลืมว่าเป็นเพื่อนเธอ

     หลังจากสละสิทธิรอบรับตรงไป เต๋ต้องกลับมาเผชิญความจริงที่ว่าการชะล่าใจจากการสอบติดทำให้เขาไม่ค่อยเข้าห้องเรียน และไม่ตั้งใจทำแบบฝึกหัด จนเกรดเทอมสุดท้ายอาจไม่ดีพอในรอบแอดมิชชั่น 

     คาบสุดท้ายที่โรงเรียนกวดวิชา เหล่าซือเปิดโอกาสให้นักเรียนบอกความในใจกัน บาสจึงอาศัยจังหวะนี้สารภาพรักกับโอ้เอ๋ว ทำให้เต๋กลับมานึกถึงตัวเองที่ไม่เคยแม้แต่จะบอกคำนี้กับโอ้เอ๋ว และปล่อยให้คนที่รักหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา

     ในวันสอบความถนัดวิชาภาษาจีน เต๋ตัดสินใจเดินไปหาโอ้เอ๋วแล้วถามเรื่องความสัมพันธ์กับบาส พอโอ้เอ๋วบอกว่ากำลังพยายามจะเริ่มต้นใหม่ ได้ยินแค่นั้นก็ทำให้เต๋สติแตก เหมือนทุกอย่างพังทลาย ไม่เป็นผู้เป็นคน สอบไปร้องไห้ไป จนสุดท้ายก็ทำข้อสอบไม่ทัน

     พอกลับมาบ้านเต๋ก็ยังไม่หยุดคิด อาการแปลกๆ ไปแบบนี้พี่ชายมาเห็นก็เป็นห่วง เต๋จึงได้สารภาพออกมาเป็นครั้งแรกว่าตัวเองน่าจะชอบโอ้เอ๋ว เต๋กลัวว่าแม่จะผิดหวังที่เขาชอบผู้ชาย

“มึงจะไปเปลี่ยนความคิดคนทั้งโลกได้ยังไง 

ต่อให้วันนี้มึงจับมือผู้ชายเดิน มันก็จะมีคนที่โอเคกับมึง แล้วก็จะมีคนที่ไม่โอเคกับมึง 

แต่กูโอเค ถ้าน้องกูจะชอบผู้ชาย กูโอเค ส่วนม๊ะ ถ้าวันนี้มึงพร้อม มึงก็เดินไปบอกเขา 

ถ้าเขาเข้าใจ มึงก็คือผู้โชคดี แต่ถ้าเกิดม๊ะไม่เข้าใจ มึงก็ไม่ต้องตกใจ ให้เวลาเขานิดนึง 

สุดท้ายแล้วนะเว้ย ถ้าม๊ะเขารู้ว่ามึงรักคนที่ไม่ได้รัก แล้วมึงไม่มีความสุข ม๊ะเองก็ไม่มีความสุข 

มันเป็นชีวิตมึง แค่ทำในสิ่งที่มึงมีความสุขก็พอแล้ว”

     หลังสอบเสร็จ เต๋ก็ตีตัวห่างจากกลุ่มเพื่อน เพราะทนเห็นบาสกับโอ้เอ๋วอยู่ด้วยกันไม่ได้ วันหนึ่งแก๊งเพื่อนนัดกันไปกินขนมที่คาเฟ่ ตรงกลางร้านมีคนเล่นเพลง หรูเหอ ทำให้โอ้เอ๋วนึกถึงวันที่วิ่งไปแหลมพรหมเทพกับเต๋ แล้วก็ร้องไห้ออกมา

     แล้วก็ถึงวันประกาศผลสอบแอดมิชชั่น โอ้เอ๋วสอบติดคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอนันตศาสตร์ตามที่หวังไว้ ขณะที่เต๋สอบติดคณะเดียวกัน แต่เป็นอีกมหาวิทยาลัย 

     เต๋ผิดหวังและเสียใจมาก โอ้เอ๋วเองก็เป็นห่วงจนร้อนรน บาสเห็นแบบนั้นจึงขับรถมาส่งที่หน้าบ้านเต๋ แม้โอ้เอ๋วจะไม่กล้าเข้าไปเจอ แต่การกระทำของบาสเป็นการยอมรับกลายๆ ว่าไม่ว่าเขาจะชอบและพยายามแค่ไหน สุดท้ายก็สู้คนในใจโอ้เอ๋วไม่ได้อยู่ดี แล้วทั้งสองก็ตกลงกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม 

     ตาลมาหาเต๋ที่บ้านพร้อมเคลียร์ใจว่าตกลงจะเอายังไงต่อกับความสัมพันธ์ เต๋ขอโทษและขอให้ตาลอยู่ในฐานะเพื่อน ซึ่งตาลก็ยอมรับแม้จะเจ็บไปทั้งหัวใจ

     จากนั้นก็ตัดมาเป็นซีนที่โอ้เอ๋ววิ่งแก้บน อยู่ดีๆ เต๋ก็มาเซอร์ไพรส์ เพราะจำสัญญาได้ว่าจะวิ่งไปด้วยกัน พวกเรามาวิ่ง วิ่งนะวิ่งนะแฮมทาโร่ ขอบอกเลยว่าฉากนี้ถ่ายสวยมาก! (ชี้เป้า EP.5 5/5)

     รอบก่อนมาไม่ทัน แต่รอบนี้ไปถึงทันเวลาพอดี พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังคล้อยลงขอบฟ้า ทั้งคู่ซึมซับบรรยากาศก่อนให้พอหายเหนื่อย แล้วก็เป็นซีนเปิดใจ แสดงความยินดีกับความสำเร็จของกันและกัน เคลียร์ทุกเรื่องที่ค้างคา รวมถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน

“ให้กูกลับไปเป็นเพื่อนกับมึง กูก็เป็นได้ จะให้กูกลับไปเป็นคู่แข่งมึง กูก็เป็นได้ 

จะให้มึงชอบกู เกลียดกู กูก็ทำได้หมด มึงจะเป็นอะไรมึงก็เป็นไปเลย มันไม่ได้สำคัญกับกูหรอก 

แต่กูขออย่างเดียว มึงอย่าหายไปแบบนี้อีกได้มั้ย”

“ถ้ากูจะเป็นอะไรก็ได้ กูขอเป็นแฟนมึงได้ปะวะ”

(ทิพย์ค่ะ ขิตแล้ว)

     ทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวของ แปลรักฉันด้วยใจเธอ พาร์ตที่หนึ่ง สามารถติดตามชีวิตบทใหม่ของเต๋และโอ้เอ๋วในฐานะเพื่อนสนิทและคนรักได้ในพาร์ตที่สอง ซึ่งจะออนแอร์ตอนแรกวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ ทาง LINE TV เวลา 20:00 น. 

     สุดท้ายนี้ขออนุญาตแปะเทรลเลอร์ให้หัวใจสั่นระรัว และเพลงประกอบที่เขินม้วนไม่แพ้กัน 

     ยังไม่หมด ขอแถม side-story พระอาทิตย์ตกครั้งสุดท้ายของเต๋และโอ้เอ๋วที่ภูเก็ตให้ดูวอร์มอัพก่อนไปลุยของจริงที่กรุงเทพฯ (เตรียมหมอนรอได้เลยเพราะหวานเจี๊ยบ)

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของดอกชบา

     แต่เดิมดอกชบามีความหมายค่อนข้างลบในหน้าประวัติศาสตร์ ในกฎหมายตราสามดวงมีการใช้ดอกชบาเสียบหูเพื่อประจานหญิงสาวที่มีชู้ และดอกชบายังเป็นสัญลักษณ์ถึงชนชั้นชายขอบ ยกตัวอย่างเช่นในวรรณคดีเรื่องเงาะป่า ซึ่งสามารถตีความว่าอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่ม LGBTQ+ ที่ยังไม่ได้รับการยอมรับในสังคม

     สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ คุณบอสผู้กำกับเล่าไว้ใน a day Podcast The Hardest Brief EP 08 ว่า ในทางชีววิทยา ดอกชบาเป็นดอกสมบูรณ์เพศ คือมีทั้งเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัว ทางทีมเขียนบทจึงตั้งใจใส่เป็นสัญญะที่แทนตัวตาลกับโอ้เอ๋ว โดยของโอ้เอ๋วเป็นดอกชบาสีแดง (ปรากฏตั้งแต่ในเทรลเลอร์) และของตาลเป็นดอกชบาสีม่วง (ปรากฏใน EP 2) 

     ตลอดทั้งซีรีส์เรื่องนี้ดอกชบาโผล่ออกมาบ่อยมาก มาทั้งแบบเป็นดอกจริงๆ และดอกทิพย์ในลายเสื้อของตัวละคร อีกทั้งยังมีความสำคัญในการเล่าเรื่องด้วยภาพในหลายๆ ฉากอีกด้วย ใครสนใจลองวนดูพาร์ตแรกอีกรอบ จะเห็นได้เลยว่าทีมงานตั้งใจคราฟต์กับเรื่องนี้มากจริงๆ TwT