Wed 02 Dec 2020

START UP AND SHUT DOWN

คอลัมน์ที่จะมารีวิวซีรีส์แบบเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของตอนต่างๆ เพื่อให้คุณข้ามไปดูตอนที่สนุกของเรื่องได้เลย

ภาพ: NJORVKS

บทความชิ้นนี้มีการเผยแพร่เนื้อหาของซีรีส์

     เริ่มจาก CONT. เป็นเว็บไซต์ชวนอ่าน ที่พาไปอ่านทุกสิ่งบนโลกใบนี้ แต่ช่วงหลังมานี้ เราวางหนังสือไปติดซีรีส์กันยาวๆ ซึ่งซีรีส์เกาหลีหนึ่งเรื่อง โดยทั่วไปมีจำนวน 16 ตอน ความยาวตอนละ 60-80 นาที หากใช้เวลาเท่ากันอ่านหนังสือ ก็อาจจะอ่านหนังสือไปได้ครึ่งเล่ม ซีรีส์เกาหลีจึงเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งในการอ่านหนังสือของเราอย่างยิ่ง!

     หนังสือก็อยากอ่าน ซีรีส์ก็อยากดู อยากรู้ อยากตามทันเรื่องที่ใครๆ บอกว่าสนุกและไม่ควรพลาด แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องดูไปถึงตอนไหนเรื่องจะเข้มข้น หลายครั้งที่ดูจบครบ 16 ตอนแล้วกลับรู้สึกเสียดายเวลา รู้อย่างนี้สู้เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า ครั้นจะดูข้ามๆ ก็ไม่รู้เรื่อง เพราะพลอตละครเขาคิดมาอย่างดี ไม่ได้คาดเดาง่ายแบบบ้านเรา 

     ทำให้นึกถึงสมัยนั่งดูละครพร้อมหน้าที่บ้าน ทุกครัวเรือนจะมีแม่หรืออาม่าคอยเล่าเรื่องตอนที่แล้วให้ฟังช่วงพักโฆษณา เราจึงอยากมีพื้นที่แบบนั้นบ้าง รับอาสาดูแล้วมาเล่าให้ฟังประกอบการตัดสินใจ Skip Intro จึงเป็นคอลัมน์น้องใหม่ที่จะมารีวิวซีรีส์แบบเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของตอนต่างๆ เพื่อให้คุณข้ามไปดูตอนที่สนุกของเรื่องเลยแบบไม่เสียเวลา

     เริ่มเรื่องแรกด้วย Start-Up เรื่องราวการสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพของหนุ่มสาวผู้มีฝัน เป็นธุรกิจใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีและแนวคิดเป็นนวัตกรรมในการขับเคลื่อน ซึ่งก่อนหน้านี้มีบทวิเคราะห์ละครทั้งในเชิงภาพยนตร์และคุณค่าเชิงธุรกิจมากมาย

     นอกเหนือไปจากเส้นทางการต่อสู้เพื่อไปสู่เงินทุนพันล้าน เราสนใจความสัมพันธ์ของตัวละครมาก เพราะเป็นธรรมดาที่คนดูจะรักและเชียร์พระรองผู้แสนดี แต่ก็ไม่เคยเห็นปรากฏการณ์ #ทีมพระรอง เต็มโซเชียลฯ แบบเรื่องนี้มาก่อน ยอมรับว่าหัวร้อนมาก เพราะสำหรับเรา ตัวละคร ‘ฮันจีพยอง’ ยังไงก็เป็นพระเอก

     ทั้งคาแรกเตอร์เพอร์เฟกต์เกินเรื่อง ปมตัวละครที่เป็นเด็กกำพร้าอัจฉริยะนักเล่นหุ้นทำกำไร 1,000 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่อายุ 15 แอร์ไทม์รวมและบทบาทสำคัญในเรื่อง ซึ่งบางตอนโดดเด่นกว่าบทของพระเอกนางเอกด้วยซ้ำไป สำหรับเราที่อยู่ทีมพระรองบ้าง พระเอกบ้างมาตลอดชีวิต ไม่เคยพบเจอเคมีพิเศษนี้จากเรื่องไหน มันช่างหล่อเลี้ยง และชุบชูใจ

     ‘คนแสนดี 2020’ คนนี้มีอะไรดี จนเราต้องวางหนังสือเพื่อมาดู Start-Up เชิญหยิบน้ำและขนม จับจองที่นั่ง และกดตุ่ม play 

Title: Start-Up 스타트업
Year: 2020
Director: โอชุงฮวาน (Hotel del Luna, While You Were Sleeping, The Doctors) 

Writer: พัคฮเยรัน (Dream High, I Can Hear Your Voice, Pinocchio, While You Were Sleeping)
Cast: นัมจูฮยอก, แบซูจี, คิมซอนโฮ และคังฮันนา
Episode: 16
Available on: Netflix

ตั้งสติก่อนสตาร์ท

     เพียงแค่ตอนแรก ก็ปรากฏปมที่สนุกและชวนติดตามเต็มไปหมด โดยเรื่องราวเกินครึ่งเป็นการปูพื้นหลังตัวละครหลัก

     ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีก่อน ซอดัลมี (รับบทโดย แบซูจี) กับพี่สาวอาศัยอยู่กับพ่อผู้ฝันจะสร้างธุรกิจใหม่เป็นของตัวเองขณะที่แม่ไม่เคยเข้าใจ หลังแยกทาง ซอดัลมีเลือกอยู่กับพ่อ ขณะที่พี่สาวย้ายตามแม่ไปสร้างครอบครัวใหม่ 

     เวลาเดียวกันนั้น ฮันจีพยอง (รับบทโดย คิมซอนโฮ) ผู้ชนะรางวัลการแข่งขันซื้อหุ้นเสมือนจริง หลังออกจากบ้านเด็กกำพร้า วันหนึ่งได้เจอกับคุณย่าของซอดัลมี ซึ่งค่อยช่วยเหลือให้อาหารและที่พัก ขณะเดียวกันเขาได้นำเงินในบัญชีของย่าไปลงทุนซื้อหุ้น ซึ่งภายหลังเงินฝาก 8 ล้านวอน ก็ได้กลายเป็น 80 ล้านวอน

     และเพราะกลัวหลานสาวจะเหงาที่ต้องแยกจากพี่สาว คุณย่าจึงขอให้ฮันจีพยองช่วยเป็นเพื่อนทางจดหมายกับซอดัลมี 

     เรื่องควรจะจบลงแค่นี้ ถ้าฮันจีพยองลงท้ายจดหมายด้วยชื่อของตัวเองตั้งแต่แรก ไม่ใช่ชื่อนัมโดซาน เจ้าของเหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิกซึ่งอายุน้อยที่สุด ที่พวกเขาเจอจากข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์

     ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันซึ่งเกิดขึ้นในปี 2016 ฮันจีพยองบังเอิญพบซอดัลมีในงานสตาร์ทอัพ ก่อนจะตามไปจนเจอคุณย่าผู้มีพระคุณ ซึ่งไม่ได้ติดต่อกันเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา เพราะคุณย่าขอไว้ว่าหากมีชีวิตที่ดีก็ไม่ต้องกลับมา แต่ถ้าวันใดเดือดร้อนก็ขอให้บอก 

     ขณะที่ซอดัลมีเองก็พบกับวอนอินแจ—พี่สาว ซึ่งหลังจากที่แม่แต่งงานใหม่ วอนอินแจก็กลายเป็นลูกเศรษฐี มีชีวิตที่ดี ทำงานเป็นผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีในต่างประเทศ และด้วยความที่ไม่อยากให้พี่สาวดูถูก ซอดัลมีจึงโกหกว่าเธอกำลังตั้งบริษัทกับแฟนหนุ่มซึ่งเป็นรักแรกอย่างนัมโดซาน เป็นต้นเหตุให้ต้องออกตามหาอดีตเจ้าของเหรียญทองคณิตศาสตร์โอลิมปิกคนนั้นมายืนยัน

     ช่วงเวลาเดียวกัน นัมโดซาน (รับบทโดย นัมจูฮยอก) และเพื่อนอีกสองคนซึ่งร่วมกันก่อตั้งนัมซานเทค บริษัทเทคโนโลยีพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ก็กำลังวุ่นวายกับการหานายทุนเพื่อมาต่อลมหายใจบริษัท โดยหลังจากชนะรางวัลนักพัฒนาเทคโนโลยีระดับโลก ชาวนัมซานเทคก็เข้าใกล้ฝันด้วยการสมัครเข้าโครงการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพของ Sand Box สนามเด็กเล่นที่เททรายไว้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ดินแดนในฝันของสตาร์ทอัพที่พร้อมด้วยเงินทุนสนับสนุน โครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวก เทียบเท่าซิลิคอนวัลเลย์แห่งเกาหลี

     เรื่องมันวุ่นวาย เพราะคุณย่าไปขอร้องให้ฮันจีพยองช่วยตามหานัมโดซานตัวจริงให้ และฮันจีพยองเองก็ยอมทำเพราะระลึกถึงบุญคุณที่คุณย่าเคยช่วยเหลือในตอนเด็ก ซึ่งหลังจากตามตัวจนพบ นัมโดซานก็ขอค่าแรงเป็นเงินทุนสนับสนุนธุรกิจ แต่เมื่อได้อ่านจดหมายจากซอดัลมี เขาก็ยอมช่วยฮันจีพยองแสดงละครบทนี้ให้แต่โดยดี

     ส่วนซอดัลมี หลังจากพ่อแม่แยกทาง เธอก็ช่วยงานและอยู่เป็นกำลังใจพ่อที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจแพลตฟอร์มขายอาหารออนไลน์ โดยระหว่างนำเสนอแผนธุรกิจกับบริษัทร่วมทุน พ่อของซอดัลมีก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เธอใช้ชีวิตอยู่กับย่า เรียนจบแค่ ม.ปลาย เพราะแม้จะสอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ย่าต้องลำบากขายร้านส่งเธอเรียน เธอจึงไปสะสมชั่วโมงบินเป็นพนักงานจ้างของร้านกาแฟ  

     ซึ่งหลังจากได้รู้จักนัมโดซาน ได้เห็นว่าเพื่อนในจดหมายคนนี้ประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากสานฝันที่จะมีธุรกิจของตัวเอง ก่อนสมัครเข้าร่วมโครงการธุรกิจรุ่น 12 ของ Sand Box จึงได้รู้ความจริงว่า นัมโดซาน แห่งซัมซานเทค แท้จริงเป็นนักพัฒนาเทคโนโลยี พร้อมกันนี้ยังเจอคู่แข่งที่เพียบพร้อมอย่างวอนอินแจ พี่สาวแท้ๆ ที่ทิ้งบริษัทของพ่อเลี้ยงมาเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง

     เป็นซีรีส์เล่าเรื่องธุรกิจที่พูดเรื่องเงินน้อยมาก

     ภายใต้เรื่องราวการต่อสู้เพื่อความฝันของทุกคน เราจะได้เห็นแนวคิดการทำธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ราวจะบอกว่าความฝันเพียงอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องรู้ว่าเรากำลังทำสิ่งนั้นไปเพื่ออะไร เรามีความเข้าใจต่อสิ่งนั้นมากแค่ไหน เรามีความสามารถเท่าไหร่ มีพาร์ตเนอร์ มีทีมที่เชื่อและมองเห็นสิ่งเดียวกัน และมีพี่เลี้ยงที่ยอมพูดความจริงแม้ฟังแล้วจะเจ็บปวดหรือไม่ ซอดัลมี นัมโดซาน และชาวซัมซานเทคมีสิ่งเหล่านี้ก่อนจะพูดเรื่องเงินเสียอีก

     ในจำนวน 16 ตอนนี้ จะเลือกรับชมตามความสนใจได้อย่างไร มาฟังกัน

สายธุรกิจสตาร์ทอัพ

     สตาร์ทอัพไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลก (นับจนถึงวันนี้อาจจะช้าไปด้วยซ้ำ) การสร้างละครที่เส้นเรื่องหลักคือธุรกิจสตาร์ทอัพชวนให้สงสัยว่าจะหยิบเรื่องนี้มาเล่ายังไง 

     สำหรับคนที่สนใจเรื่องธุรกิจสตาร์ทอัพแต่มีเวลาน้อย ลองเริ่มต้นดูตั้งแต่ตอนที่ 4 เรื่องราวหลักเกิดขึ้นใน Sand Box ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพที่พร้อมสนับสนุนทุกกิจกรรม เราจะได้เห็นหนุ่มสาวชาวเกาหลีที่เต็มไปด้วยความฝัน หลายคนทิ้งงานที่มั่นคงมาเดิมพันกับธุรกิจของตัวเอง

     จากที่เคยคิดว่าเป็นละครสร้างแรงบันดาลใจมุ่งความรวยระดับยูนิคอร์น อยู่กับความฝันลมๆ แร้งๆ ชวนคนลุกมาเป็น สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) คนที่สอง สาม สี่ คิดขายเทคโนโลยีในราคาแพงๆ กลับสนุกเกินคาด ดูแล้วอยากเอนทรานซ์ใหม่ (เรียกเอนทรานซ์นี่รู้วัยเลย) 

     เพื่อเรียนวิศวคอมพิวเตอร์? 

     เปล่า เข้าคณะบริหารธุรกิจค่ะ จะเข้าไปเป็นรุ่นน้องพี่หัวหน้าฮัน

     เพราะหัวใจสำคัญของธุรกิจสตาร์ทอัพ คือนวัตกรรมและแนวคิดเจ๋งๆ จากคนในทีม การดู Start-Up เรื่องเดียวจึงไม่ต่างจากการอ่านหนังสือวิธีทำธุรกิจสตาร์ทอัพเกิน 10 เล่ม ใครยังไม่พร้อมจำศัพท์ แต่จำเรื่องราวในตอนได้ก็จะเข้าใจกระบวนการ เช่น เรื่อง Angel หรือนักลงทุนที่ให้คำแนะนำทางธุรกิจและสนับสนุนเงินในตอนที่ 3 ซึ่งเล่าผ่านสถานการณ์ที่ฮันจีพยอง ช่วยแปลงโฉมนัมโดซาน คอยแนะนำ และสนับสนุนการสร้างความประทับใจแก่ซอดัลมี และหากใครอยากเห็นบรรยากาศ Hackathon การแข่งขันสร้างโมเดลธุรกิจด้วยเทคโนโลยีในเวลาจำกัด ลองกดเข้าไปชมตอนที่ 5 แม้จะไม่เข้าใจภาษาคอมพิวเตอร์ แต่ก็ดูเพลินเหมือนเป็นหนึ่งในทีมซัมซานเทค

สายซีรีส์การทำงาน ความรัก และมิตรภาพ

     นอกจากตัวละครเอกอย่างซอดัลมี นัมโดซาน และฮันจีพยอง สิ่งพิเศษของละครเรื่องนี้ก็คือพลอตเรื่องอันเรียบง่าย 

     ลำพังการแอบกดสูตรซีรีส์เกาหลี ทั้งจากเพื่อนในจดหมายสู่แฟนหลอกๆ และจากพนักงานร้านกาแฟที่เรียนจบแค่ ม.ปลาย สู่ประธานบริษัทสตาร์ทอัพมูลค่า 3,000 ล้านวอน ก็ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ยังจะมีปมความรัก ให้แฟนละครตามเชียร์ว่าใครจะได้ครอบครองหัวใจ 

     น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยัง…

     ธุรกิจก็ต้องทำ หัวใจก็ดันมาติดบั๊กอีก สายซีรีส์ดราม่าโรแมนติกที่เคยชอบ Itaewon Class มาก่อน ถ้ารักคิมแซรอย และอยู่ #ทีมน้องหมวย ไม่ต้อง Skip Intro ไปไหนไกลเลย ดูกันยาวๆ ตั้งแต่ตอนที่ 1 นี่แหละ

สายหัวหน้าฮัน

     สำหรับ #ทีมหัวหน้าฮัน เราแนะนำแบบนี้ ลงทะเบียนเข้าทีมกันตั้งแต่เปิดเรื่องในวินาทีที่ 1 แล้วให้หยุดดูเมื่อจบตอนที่ 14 เพราะมันช้ำใจ

     ขอถือสิทธิคนเล่าเรื่อง ใช้พื้นที่ตรงนี้รวบรวมความน่ารักระดับยูนิคอร์นของหัวหน้าฮันนาทีต่อนาที เป็น Start-Up ฉบับ คนรักหัวหน้าฮัน’s CUT ถ้ารู้ขนาดนี้แล้วยังเรียกเขาว่าพระรองก็ใจร้ายเกินไป

     เริ่มตั้งแต่ห้านาทีแรกของตอนที่ 1 ซึ่งเป็นไปตามสูตรซีรีส์เกาหลีที่มักจะใส่ใจความสำคัญ (และคนสำคัญ) ไว้ในนี้ 

     “วันนี้ เทพแห่งพรหมลิขิตจะมอบสายลมอ่อนๆ ให้กับวันที่แสนสงบของคุณ คุณจะได้พบคนที่เคยเจอกันชั่วครู่ในอดีตในที่ที่คาดไม่ถึง” ยองชิล ผู้ช่วยจากลำโพงปัญญาประดิษฐ์ตอบฮันจีพยอง เมื่อเขาถามพยากรณ์อากาศในฉากเปิดเรื่อง ก่อนจะตัดภาพมานาทีที่ 47:22 กับฉากยิ้มหัวเราะโชว์ ‘ลักยิ้ม’ (แต่พวกเราคนดูน่ะ ‘รักนะ’) เมื่อเห็นนางเอกที่ป้ายรถเมล์

     ยิ่งในตอนที่ 3 ที่หัวหน้าฮันจีพยองเปลี่ยนลุกส์นัมโดซานให้กลายเป็นผู้ชายในฝันของซอดัลมี จากหนุ่มเนิร์ดเสื้อลายสก็อตเป็นนักธุรกิจหนุ่มในชุดสูทพอดีตัว และยังคอยแปลงโฉมให้สมฐานะตลอด แจ็กเกตตัวโคร่งเอย นาฬิกาที่แพงกว่ารถสปอร์ตเอย 

     เปล่า เราไม่ได้ชอบที่เขารวย มีคอนโดติดวิวแม่น้ำฮันและเปลี่ยนรถตามสีเสื้อสูท แต่เรารักรสนิยมอันยอดเยี่ยมนี้ของเขา ยังไม่นับที่คอยช่วยเหลือนางเอกอยู่ห่างๆ ปากร้ายแต่ใจดี ไม่เชื่อลองไปดูนาทีที่ 1:12:50 ของตอนที่ 5 (ฉากหัวหน้าฮันย่องไปดูอาการซอดัลมีหลังจบงาน Hackathon) ไหนจะตอนที่ตอบอีเมลเรื่องงานทั้ง 461 ฉบับจากซอดัลมีอย่างมีความสุข แม้ชีวิตของหัวหน้าฮันจะยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม

     ทั้งๆ ที่มีชีวิตเพอร์เฟกต์ไปทุกด้าน เรากลับเอาใจช่วยเขาทุกครั้งที่ปรากฏตัว ดั่งฟ้าลิขิตให้เป็นพระรอง ฮันจีพยองที่พยายามตัดใจ ไม่รับสาย ไม่มาให้เจอ และเป็นดัลมีเองที่คอยจุ้นจ้านมาอยู่ข้างๆ เขา

     เนี่ย แล้วคนมันจะไปมูฟออนได้ยังไง 

     หลังจากคนเขียนบทและผู้กำกับเลี้ยงไข้เราให้ดูๆ เลิกๆ ในช่วงกลางของตอนที่ 6 และ 7 ฉากเฉลยความจริงที่รอคอยก็มาถึง ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก จังหวะดีมาก ไม่มีฟูมฟาย เช่น ตอนที่เห็นลายมือของหัวหน้าฮันในตอนที่ 8 จนซอดัลมีเริ่มไม่แน่ใจในตัวนัมโดซาน ช่วงพีคของหัวหน้าฮันอยู่ตั้งแต่นาทีที่ 1:05:04 ของตอนที่ 9 ไปจนถึงตอนที่ 12 คิดเล่นๆ ว่าถ้าตัดซีรีส์ใหม่ให้มีแต่หัวหน้าฮัน เรื่องนี้อาจจะจบตั้งแต่ตอนที่ 14 ก็ได้ 

     เพราะคนที่ทำให้แบบนี้เท่านั้น ที่จะเป็นพระเอกซีรีส์เกาหลีได้

     คนที่อยู่ปลอบใจเสมอ ไม่ว่าจะ 15 ปีก่อน ตอนนี้ และอีกกี่ปีถัดมา คนที่เข้ากับคุณย่าและที่บ้านได้ดี คนที่อยู่กับดัลมีตลอดตอนที่ร้องไห้ คนที่ดัลมีเป็นตัวเองโดยไม่ต้องแคร์ว่าจะเท่ในสายตาใคร คนที่อ่านใจซอดัลมีออกยามเธออ่อนล้าและไม่อยากพบใคร 

     คนที่เป็นกระบะทราย (sand box) ของจริง ที่คอยรับไว้ไม่ให้เจ็บตัว

     คนที่เป็นที่พึ่ง คอยตอบคำถามเรื่องยากๆ ให้ คนที่ให้คำแนะนำเรื่องงานจนซัมซานเทครอดจากวิกฤตต่างๆ เช่น เตือนเรื่องผู้ถือหุ้น บอกให้อัดเสียงประธานวอนตอนเจรจาธุรกิจเผื่อไว้ยามฉุกเฉิน แนะนำลูกค้า หรือแม้แต่คัดค้านอย่างหนักตอนมีคนมาซื้อกิจการ 

     คนที่ขับไปรับที่ต่างจังหวัด ปล่อยให้นอนพักบนรถ ให้ยืมรองเท้า

     คนที่สารภาพรักตอนคลุกบะหมี่ให้ และอื่นๆ อีกมากมาย

     แม้ความดีงามเหล่านี้ของพี่หัวหน้าฮันจะส่งไปไม่ถึงใจตัวเอกฝ่ายหญิง (ขอแสดงความห่างเหิน) เราก็ยังลุ้น และตีความสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ทุกครั้งที่หัวหน้าฮันปรากฏตัว เช่น ในตอนที่ 5-6 มีฉากที่เห็นตำแหน่งรองเท้าของตัวละคร ซึ่งเท้าของซอดัลมีจะหันหน้าเข้าหานัมโดซาน เหมือนที่เขาคอยช่วยเหลือซอดัลมีจากข้างหน้า ขณะที่เท้าของหัวหน้าฮันในฉากถัดมาจะอยู่หลังเหมือนที่คอยแอบช่วยซอดัลมีเสมอ 

     ต่อมาคือฉากกินบะหมี่ (국수 หรือ กุกซู) ด้วยกันสองครั้ง และมีอีกหนึ่งครั้งที่ซอดัลมีซื้อบะหมี่มาขอบคุณหัวหน้าฮัน ซึ่งเส้นบะหมี่มีความหมายว่ารักกันยืนยาว คนเกาหลีนิยมกินในงานแต่งงาน และในภาษาเกาหลีมีสำนวนเวลาใครถามว่า ‘เมื่อไหร่จะได้กินกุกซู’ แปลว่า ‘เมื่อไหร่คุณจะแต่งงาน’ ซึ่งถ้าไม่มีความหมายแบบนี้จริงๆ คนเขียนบทมีเหตุผลอะไรถึงใส่ฉากนี้เข้ามาในเรื่องถึงสามครั้ง

     ยังมีเบาะแสอีกหลายจุดที่สร้างความหวังและกำลังใจว่าอาจจะมีเกมพลิกในนาทีสุดท้าย แม้จะเป็นแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี ตั้งแต่โปสเตอร์หลักของละคร ที่แม้หัวของซอดัลมีจะซบไปทางไหล่ของนัมโดซาน แต่ปลายเท้าขวากลับชี้มาที่หัวหน้าฮัน หรือจากบทสัมภาษณ์คิมซอนโฮ (หัวหน้าฮัน) ในนิตยสาร ช่วงถ่ายทำละครตอนท้ายๆ ก็ยังบอกเป็นปริศนาว่า บทที่เขาได้รับในแต่ละตอนมีการปรับจนวินาทีสุดท้ายอยู่เสมอ และเขาในเวลานั้นก็ยังไม่เห็นบทของตอนที่ 16

     (ขอซาวนด์ประกอบ ฮึกเหิมๆ) มาค่ะ #ทีมหัวหน้าฮัน จงเจริญ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เราคิด ก็เท่ากับว่าคนเขียนบท ผู้กำกับ และนักแสดงก็ได้สร้างเรื่องราวความรักตำนานใหม่ในประวัติศาสตร์ซีรีส์เกาหลี แต่ถ้าไม่ เราก็คงทำอะไรไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังเหลืออีกสองตอน ถ้าใครยังไหว เราอยากให้อยู่เชียร์หัวหน้าฮันกันต่อ สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร ขอรับบททหารดีชั้นแนวหน้าทีมหัวหน้าฮัน ไปยืนประชิดเขตรบละติจูดที่ 37.5665° N, 126.9780° E ณ กรุงโซล นำตัวเขามาปลอบ หากในตอนจบที่พี่เขา (เรียกหัวหน้าฮันแบบสนิท) จะไม่ได้ลงเอยกับใคร ก็จงรู้ไว้ว่าน้องคนนี้จะดูแลพี่เอง (เอื้อมมือไปจับประตูเปิดขึ้นรถหรู)

Epilogue

      สวัสดีฮันจีพยอง  

      ฉันซอดัลย้วย ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่นาทีที่ 47:22 ของตอนที่ 1 ตอนที่คุณทำหน้า ทำตา หลากหลายอารมณ์แบบนั้น 

      นอกจากความเก่งกาจ และความฉลาดทางอารมณ์ที่มีสมวุฒิภาวะ ฉันตกหลุมรักคุณเมื่ออยู่กับคุณย่า แพ้ผู้ชายอบอุ่น คนที่เมื่อต้องการความช่วยเหลือเขาก็อยู่ข้างๆ ตลอด แม้ไม่รู้ต้องทำยังไงก็ยังจะขอลองดู

      แม้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสตาร์ทอัพ แต่ไม่เคยมีคำพูดคำคมแบบหนังสือฮาวทูความสำเร็จออกมาจากปากคุณเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ฉันประทับใจในตัวคุณ จริงๆ ต่อให้คุณพูดคำคว้าดาวอะไรเทือกนั้น ฉันก็ฟังมันเป็นคำกวีอยู่ดี เช่น “หากเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ ก็จงเป็นฝ่ายเดียวกัน” อันนี้ดีมากจนอยากทำสติกเกอร์แปะท้ายรถ

      มีคนบอกว่าก่อนคุณจะมาเป็นนักลงทุนอัจฉริยะ คุณเป็นนักแสดงละครเวทีมาตั้ง 8 ปี รู้เรื่องนี้แล้วทำให้ฉันกลับไปรื้อหนังสือเรียนภาษาเกาหลีเลย เพราะตั้งใจจะไปดูคุณแสดงสักครั้ง ในโรงละครเขาไม่มีซับไตเติลด้วยน่ะสิ มองหน้าคุณฉันเห็นคำว่ารักไปหมด

      เวลาหมดแล้ว ฉันต้องกลับไปหา ‘The Morning Flight to Sad Francisco’ ที่อ่านค้างอยู่ ไว้เจอกันใน Start-Up ตอนที่ 15-16 ก่อนจะจากกันไป ฉันขอตำหนิคุณสักเรื่องได้ไหม จริงๆ ฉันมีคนรักอยู่แล้วชื่อกงยู และฉันก็รักของฉันมาตั้งนาน อยู่ๆ คุณเป็นใครกล้าดียังไง มาส่งลักยิ้มให้ จนเดี๋ยวนี้ก่อนนอน ฉันไม่เป็นทำอะไรนอกจากดูรายการ 2 Days & 1 Night ที่คุณไปเป็นพิธีกรหลัก 

      หวังว่าจะพบกันหลังสถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย

รัก

ซอดัลย้วย

      ป.ล. ใครทำเธอเจ็บช้ำใจ ฉันจะไปลุยมันถึงโซล